ขั้นตอนทำบุญ7วัน50วัน100วัน บ่อยครั้งมากที่มีผู้คนถามข้าพเจ้าว่า "...จัดงานทำบุญ 100 วัน ราคาเท่าไหร่ ??? " แต่มีผู้คนน้อยคนจะสนใจถามว่า ทำบุญ 100 วัน ต้องทำอย่างไร !!! ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่จะช่วยให้ผู้วายขนม์ได้รับบุญ เงินอาจซื้อข้าวของเครื่องใช้ได้ แต่เงินซื้อบุญกุศล ซื้อสวรรค์วิมานไม่ได้ การทำบุญอุทิศกุศลต้องใช้ความรู้พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องใช้ปัญญาในการพิจารณาสภาวะธรรมของชีวิตและกฎแห่งกรรม บทความข้างล่างนี้จึงความรู้ที่สำคัญที่เดชะบุญตั้งใจสื่อสารให้ท่านได้ศึกษาเพื่อให้บุพการีญาติมิตรที่ท่านรักได้บุญ ได้มีความรู้ว่าตายแล้วไปไหน ต้องช่วยผู้ตายอย่างไรในระยะ 7 -50-100 วัน ทำไมต้องทำบุญอุทิศกุศล ต้องทำบุญอย่างไรจึงถูกต้อง ถูกธรรม ถูกกาละ และถูกเนื้อนาบุญเป็นสำคัญเพื่อให้ผู้ละโลกได้มีเสบียงบุญเดินทางสู่สุคติภูมิครับ.
ด้วยความปรารถนาดี
อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / 0826516246, 0898135885
Line ID : @dechaboon
ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญเดชะบุญ
ความรู้ความหมาย ข้อแนะนำทำบุญ 100 วัน คนเป็นต้องทำให้ ตนตายถึงได้บุญ การทำบุญอุทิศกุศลวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน มีผลสำคัญอย่างยิ่งต่อการไปเกิดยังภพภูมิสุคติหรือทุคติต่อผู้วายชนม์ ดังนัันเมื่อบุคคลทีรักและเคารพตายหรือวายชนม์ สิ่งสำคัญมากกว่าการจัดงานศพให้ถูกต้องตามประเพณีแล้ว คือครอบครัว สามีภรรยา ลูกหลาน จะต้องรู้จักวิธีการส่งบุญให้แก่ผู้ตาย และดำเนินการทำตามหลักคำสอนในพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้องและทันกาล บทความนี้ผู้เขียนได้ค้นคว้าและอ้างอิงจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าด้วยเรื่องชีวิตในปรโลก จากคัมภีร์อรรถกถา และจากพระผู้ทรงศีลผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ซึ่งได้ไปรู้และเห็นการเดินทางมาเกิดและตายของสัตว์โลก บทความนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากให้ผู้อยู่สามารถทำบุญให้ผู้ตายได้รับความสุขและคลายความเศร้าหมอง อีกทั้งผู้อยู่จะสามารถดำเนินชีวิตด้วยความรู้เท่าทันและไม่ประมาท อย่าประมาทว่าเมื่อตายแล้วครอบครัวต้องทำบุญให้เสมอไป หากกาลเวลาล่วงเลยแล้วเขาลืมเราล่ะ หรืออย่าได้รู้คิดผิดๆว่าเกิดหนเดียวตายหนเดียวตายแล้วสูญโดยที่ขาดการศึกษาเรื่องจริงหลังชีวิต
การเดินทางของชีวิตหลังความตายเป็นสากล เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเป็นสากลโลกในวัฏสงสาร ความตายเป็นเพียงจุดสิ้นสุดของชีวิตในภพภูมิหนึ่งๆ เพื่อการเดินทางต่อไปยังสุคติภูมิหรือทุคติภูมิต่อไป ดังนั้นไม่ว่าผู้วายชนม์จะเป็นคนไทย ชนชาติใด ศาสนาใด ประเทศใด หรือเผ่าพันธุ์ใดๆ เพราะทุกสรรพชีวิตล้วนแล้วอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมเดียวกัน ตายแล้ว 7 วันแรกยังอยู่ในโลกมนุษย์ เมื่อตายแล้ว กายละเอียด(วิญญาณ) จะผละออกจากกายหยาบที่แตกดับ ใน 7 วันนี้กายละเอียดจะวนเวียนในโลกมนุษย์เช่นบ้าน ที่ทำงาน สถานที่คุ้นเคยและผูกพัน เพื่อพยายามสื่อสารกับครอบครัว ญาติหรือเพื่อน แต่เมื่อพูดกับใครก็ไม่มีใครรับรู้ เพราะอยู่กันต่างภพภูมิ ช่วง 7 วันนี้จึงเป็นช่วงที่รอผลของบาปหรือบุญส่งผล เป็นช่วงที่เปิดโอกาสให้กายละเอียดระลึกถึงบุญ ช่วง 7 วันแรกนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งที่ครอบครัว ญาติมิตร ต้องอุทิศกุศลให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญ เมื่อได้รับและอนุโมทนาบุญนั้นๆแล้วก็จะเกิดในสุคติตามกำลังบุญ โดยไม่ต้องไปยมโลก 7-50 วัน ช่วงรอการพิพากษาที่ยมโลก สำหรับผู้ที่ระลึกบุญไม่ได้ ไม่มีญาติมิตรอุทิศกุศลให้ เมื่อครบ 7 วันแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ยมโลก (กุมภัณฑ์) นำกายละเอียดมายังยมโลกเพื่อรอคอยการรับการพิพากษาในบุญและบาปที่กระทำในขณะมีชีวิตอยู่ วาระ 50 วันนี้ยังเป็นช่วงที่กายละเอียดสามารถรับบุญที่ส่งมาจากโลกมนุษย์ได้ 51-100 วัน ช่วงกำลังถูกพิพากษาจากพระยายมราช พระยายมราชซึ่งเป็นเทพชั้นจาตุมหาราชิกาจะซักถามความประพฤติสมัยเมื่อเป็นมนุษย์ โดยมีสุวรรณเลขาด้านขวาพระยายมราชเป็นผู้ฉายบัญชีบุญ และด้านซ้ายเป็นสุวานเลขาฉายบัญชีบาป เพื่อพิพากษาให้กายละเอียดไปเกิดในทุคติภูมิคือสัตว์นรก เปรต อสูรกาย หรือสัตว์เดรัจฉานในยมโลก อุสสทนรก มหานรก หรือสุคติภูมิคือภพภูมิมนุษย์ ขึ้นไป ตามกำลังบุญและบาปที่เคยกระทำในอดีต ในวาระ 51-100 วันนี้หากมีญาติมิตรอุทิศบุญให้กายละเอียดก็ยังสามารถรับบุญได้
เดชะบุญ ให้บริการจัดงานทำบุญอุทิศกุศลตามหลักศาสนพิธีเพื่อผู้วายชนม์ที่ท่านเคารพรัก สอบถามรับคำแนะนำการทำบุญอุทิศกุศลให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญจริงที่คุณวิสิทธิ์/เดชะบุญ โทร 089-813-5885, 082-651-6246 Line เพิ่มเพื่อน : หมายเลขโทร 0826516246
แพคเกจพิธีจัดงานทำบุญอุทิศกุศล
ปัญญาสมวาร50วัน / ศตมวาร100วัน
(ประกอบด้วย 3 ศาสนพิธีหลักในการอุทิศกุศล)
*เดชะบุญยินดีมอบธรรมทานด้วยความเคารพในธรรมก่อนการประกอบศาสนพิธี
*เดชะบุญให้ความเคารพต่อผู้ต้องการประกอบศาสนพิธีทุกท่านด้วยความเสมอภาค
*เดชะบุญปฏิเสธการจัดงานทำบุญที่มีการเลี้ยงสุราและอบายมุขทุกประเภท
*เดชะบุญประกอบศาสนพิธีตามลำดับสิทธิการจองล่วงหน้า
*เดชะบุญเชื่อใจให้เกียรติทุกท่าน สามารถจองวันโดยไม่ต้องโอนชำระมัดจำล่วงหน้า
*ชำระมัดจำ 5,000 บาทเพื่อยืนยันการนิมนต์พระหลังจากได้พบเดชะบุญแล้วเท่านั้น
*ติดต่อเดชะบุญ สอบถามรายละเอียดโทร 0898135885 หรือ Line หมายเลขโทร 0826516246
1. พิธีสวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยามอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) เดชะบุญจัดบรรยายธรรมคุณค่าการทำบุญสามวาระแก่เจ้าภาพเพื่อสัมมาทิฏฐิก่อนการทำบุญ
2.) แนะนำการจัดสถานที่ประกอบพิธีฯอย่างถูกต้องตามหลักพุทธศาสนพิธี
3.) ติดต่อนิมนต์คณะพระภิกษุสงฆ์ ประกอบพิธีสวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยาม
4.) จัดพาหนะรับส่งพระจากวัดในเขตจัดงานมายังสถานทีจัดงานทำบุญ
5.) จัดชุดโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระพุทธ และเสนาสนะต้อนรับคณะพระภิกษุสงฆ์
6.) จัดดอกบัวสดถวายพระพุทธ และพวงมาลัยถวายคณะพระภิกษุสงฆ์
7.) จัดอุปกรณ์เครื่องใช้สงฆ์ประกอบศาสนพิธีครบถ้วนด้วยความสะอาดประณีตงดงาม
8.) จัดชุดเครื่องขยายเสียงและลำโพงแบบพกพาใช้ในการประกอบศาสนพิธี
9.) จัดศาสนพิธีกรผู้ชำนาญการดำเนินศาสนพิธีในทุกขั้นตอนตลอดการประกอบพิธี
10.) จัดชุดกี๋มุกพร้อมภาชนะเบญจรงค์ถวายน้ำชาร้อนและน้ำดื่มถวายคณะพระภิกษุสงฆ์
2. พิธีถวายมตกภัตเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้วอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) จัดโต๊ะไลน์บุฟเฟต์พร้อมถาดร้อนอุ่นอาหารคาวหวานพร้อมภาชนะ
2.) จัดภัตตาหารคาวหวานถวายพระพุทธ 1 ชุด
3.) จัดภัตตาหารคาวหวานถวายคณะสงฆ์
4.) จัดอาหารหวานคาวสักการะเจ้าที่ 1 ชุด
5.) จัดอาหารหวานคาวแก่ผู้วายชนม์ 1 ชุด
6.) จัดบทคำกล่าวถวายข้าวพระพุทธและมตกภัตตาหารแก่ครอบครัวผู้วายขนม์
3. พิธีทอดผ้าบังสุกุลและถวายสังฆทานอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) จัดชุดผ้าไตรเต็มดำเนินศาสนพิธีทอดผ้าบังสุกุลน้อมอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์ถวายต่อคณะพระภิกษุสงฆ์
2.) จัดชุดไทยธรรมอันประณีตมีประโยชน์ถวายเป็นสังฆทานแด่คณะพระภิกษุสงฆ์
3.) จัดโต๊ะตั้งภาพผู้วายชนม์พร้อมดอกไม้สักการะแก่ผู้วายชนม์
4.) จัดผ้าภูษาโยงและชุดกรวดน้ำอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์
5.) จัดเตรียมสถานที่ล่วงหน้า 1 วันและทบทวนความรู้การประกอบศาสนพิธีแก่ครอบครัวผู้วายชนม์ก่อนการประกอบพิธี
สอบถามเพิ่มเติมที่Line
เดชะบุญเป็นกัลยาณมิตรประกอบศาสนพิธีต่อผู้วายชนม์ดุจญาติมิตรที่เคารพรัก
โทรติดต่อ 0898135885, 0826516246
เดชะบุญเป็นหนึ่งประกอบศาสนพิธีด้วยหลักธรรมเปี่ยมบุญประณีตปลาบปลื้ม.
รีวิวจริงจากใจครอบครัวผู้วายชนม์
เดชะบุญจัดงานทำบุญ 50 - 100 วัน
สวัสดีค่ะ วันนี้ขออนุญาตมารีวิวการทำบุญครบรอบ 50 วันของคุณพ่อและ 100 วันของคุณยาย กับทางทีมงานคุณวิสิทธิ์ เดชะบุญ นะคะ ซึ่งการจากไปของคุณพ่อที่ผ่านมา ทำให้ทางครอบครัวได้มีโอกาสรู้จัก “เดชะบุญ” โดยเริ่มจากความรักของคุณแม่ที่มีต่อคุณพ่อมาก โดยคุณแม่นั้นมีความคิดริเริ่มที่อยากจะทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้กับคุณพ่อได้อย่างเต็มที่ ถูกต้องและเข้าถึง จึงได้มีการหาข้อมูลด้วยตนเอง และด้วยโชคชะตานำพา ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับทางทีมเดชะบุญ จึงได้ทำการติดต่อสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นผ่านทางไลน์ โดยสิ่งที่ได้รับตั้งแต่เริ่มแรกหลังจากการติดต่อ คือการติดต่อกลับมาของคุณวิสิทธิ์ ผู้ก่อตั้งเดชะบุญ ได้มีการโทรมาให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำบุญที่ถูกต้อง รวมถึงสิ่งต่างๆที่ต้องทำ ณ ช่วงเวลานั้น เพื่อเป็นการหนุนนำบุญส่งให้ถึงคุณพ่อ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้อย่างทั่วถึง ณ วันงานทำบุญ ทางทีมงานเดชะบุญได้มีการจัดงาน สถานที่ ดอกไม้ พวงมาลัย ผ้าไตรเต็ม ชุดสังฆทาน รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในงาน ได้อย่างสวยงาม เหมาะสมเป็นอย่างมาก ระหว่างการทำบุญได้มีการสอดแทรก ให้ความรู้ด้านการทำบุญอย่างถูกต้องให้กับแขกผู้ร่วมงาน จนผู้ร่วมงานทุกคนเกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก และได้มีการถามถึงกับทางเจ้าภาพว่ารู้จักกับทางเดชะบุญได้อย่างไร บางคนเห็นรูปแบบการจัดงานจากทางทีมงานเดชะบุญก็ได้ความรู้หลักธรรมการจัดงานทำบุญที่ถูกต้อง ทางเจ้าภาพต้องขอขอบคุณ คุณวิสิทธิ์ อาจารย์เจี๊ยบ และทีมงานเดชะบุญทุกท่าน ที่ได้จัดงานออกมาได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์แบบมากๆ รวมถึงอาหารที่เลี้ยงพระและแขกในงานก็อร่อยทุกเมนู เรียกได้ว่า อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งท้อง และอิ่มอกอิ่มใจในงานบุญครั้งนี้มากๆค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ ครอบครัวคุณแม่เปิ้ล น้องจูน น้องจีน นวลจันทร์ 36
ขั้นตอนการทำบุญ 7-50-100 วัน ให้ผู้ตายจิตไม่เศร้าหมอง เมื่อร่างกายแตกดับ(ตาย) กายละเอียดจะหลุดออกจากกายหยาบ ช่วง 7 วันแรกจะเดินทางวนเวียนสู่สถานที่คุ้นเคยเช่น บ้าน ที่ทำงาน เพื่อไปพบและพยายามสื่อสารกับผู้ที่ผูกพัน แต่ด้วยภพภูมิที่แตกต่างกันจึงไม่สามารถสื่อสารด้วยกันได้เหมือนเดิม สิ่งที่ญาติพี่น้องและครอบครัวต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อผู้วายชนม์ในช่วงเวลา 100 วัน มีดังนี้
1. ช่วยจูงจิตทบทวนความทรงจำในบุญกุศลแก่ผู้วายชนม์ โดยการนำภาพที่ผู้วายชนม์เคยทำบุญต่างๆในอดีต หรือสื่อต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับบุญที่เคยกระทำ นำไปตั้งวางในบ้านที่ผู้วายชนม์คุ้นเคย เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องพระ ห้องครัว ห้องทำงาน เป็นต้น ภาพหรือสื่อต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับบุญที่เคยทำมาก่อนนี้ เมื่อกายละเอียดเห็นแล้วจะทำให้สามารถระลึกนึกถึงบุญในอดีตที่เคยกระทำ ซึ่งจะทำให้กายละเอียดเกิดความสุขสว่าง คลายความเศร้าหมองได้
ตัวอย่างการติดภาพการประกอบบุญกุศลในขณะมีชีวิตเพื่อให้กายละเอียด (วิญญาณ) ผู้วายชนม์ได้ระลึกความดีที่เคยทำ อันจะนำมาซึ่งบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณให้ใสสว่างคลายความเศร้าหมอง
2. สร้างบรรยากาศในบ้านด้วยความรักและสามัคคี เรื่องที่ผู้วายชนม์มักเป็นห่วงคือ ครอบครัว สามีหรือภรรยา พ่อแม่ ลูกหลาน ธุรกิจการงาน หากทุกคนในบ้านเติมกำลังใจซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำให้ผู้วายชนม์ไม่ต้องห่วงกังวลใจในความเป็นอยู่ของผู้อยู่เบื้องหลัง นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้ท่านสงบ ความโศกเศร้าเสียใจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องรีบกลับมาตั้งสติโดยเร็ว การโศกเศร้าร้องไห้ที่เกินควรไม่เป็นคุณต่อผู้วายชนม์ เพราะยิ่งทำให้ต่างสลดหดหู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดวงจิตของกายละเอียดเศร้าหมองทุคติเป็นที่ไป ดังพุทธพจน์ “ จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป ”
3. หมั่นทำบุญด้วยการ ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา บุญที่ครอบครัวได้ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาทุกๆวัน เป็นบุญที่สามารถอุทิศกุศลและแผ่เมตตาไปยังผู้วายชนม์ให้มีความสุขได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นขอให้มีความสม่ำเสมอในการทำบุญให้ผู้วายชนม์อย่างต่อเนื่อง
4. ทำบุญบังสุกุลอุทิศกุศลในวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน การทำบุญใหญ่ในทั้งสามวาระนี้เพื่อเป็นการเติมกำลังบุญให้ผู้วายชนม์มีเสบียงบุญในการเดินทางสู่สุขคติภูมิ ด้วยการอาราธนาคณะสงฆ์สวดอภิธรรม 7 วัน ต่อเนื่องที่วัด การสวดอภิธรรมก็เพื่อความมุ่งหมายให้ผู้วายชนม์มีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลในขณะมีชีวิตอยู่ และในวาระ 50 วัน และ 100 วัน ควรนิมนต์พระเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเพลและทอดผ้าบังสุกุลต่อเนื่องที่บ้าน เนื่องด้วยบ้านคือสถานที่ๆผู้วายชนม์ยังคงวนเวียนอยู่ ดังนั้นการทำบุญที่บ้านจึงเป็นวิธีการที่ท่านสามารถมารับบุญได้โดยตรง อย่างไรก็ตามการทำบุญต่อเนื่องให้ผู้วายชนม์แม้หลัง 100 วัน แล้วก็ยังคงมีประโยชน์ต่อผู้วายชนม์ ครอบครัวและลูกหลานจึงไม่ควรละเลยให้ท่านรอคอยบุญด้วยความน้อยใจและเสียใจที่ถูกลืมเลือน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพุทธวจนเรื่องการเกิดดับว่า “จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา” เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป “จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา” เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป ดังนั้นการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ด้วยความเข้าใจการเกิดแก่เจ็บตาย รู้เหตุและผลของกฎแห่งกรรม มีสติในการดำเนินชีวิต คือพื้นฐานป้องกันภัยให้พ้นทุกข์ และยังเป็นเส้นทางนำสู่ความสุขตั้งแต่ในขณะดำรงชีวิต แม้ล่วงลับแล้วผลบุญกุศลก็ยังคงติดตามเหมือนเงาตามตน
เดชะบุญ ผู้ชำนาญการจัดงานทำบุญอุทิศกุศล 7 วัน 50 วัน 100 วัน ครบวาระปี แก่ผู้วายชนม์ ด้วยความรู้ทางธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสอนชีวิตในวัฏสงสาร การจัดงานทำบุญโดยเดชะบุญจึงจัดเพื่อให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญจริง มิใช่เพียงทำตามประเพณีโดยขาดหลักวิธีการให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญ ติดต่อสอบถามการทำบุญ 7-50-100 วัน เพื่อผู้วายชนม์ได้รับบุญกุศลสู่สุคติภูมิ ได้ที่ "เดชะบุญ" คุณวิสิทธิ์ 0898135885, 0826516246 หรือ ติดต่อทางไลน์หมายเลขโทร 0826816246
ศึกษาปฏิบัติและบันทึกโดย : อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญ "เดชะบุญ" สอบถามโทร 0898135885, 0826516246
"บุญกุศล"ต้องหมั่นทำตอนมีชีวิต
ละโลกจึงมีเสบียงบุญติดตัว
อย่าประมาทว่าจะมีลูกหลาน ทำบุญ50วัน 100วัน อุทิศกุศลให้
สำคัญ! “จิตสุดท้ายก่อนตาย” ชี้ทางไปสู่ชาติหน้า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเมตตาสอน “5วิธีจูงจิตผู้ป่วยใกล้ตาย” ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ผู้ที่กำลังจะถึงแก่ความตายนั้น ภายในจิตย่อมเกิดอารมณ์และความคิด สุดท้ายอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นจะผ่านเข้าไปในจิต มีทั้งอารมณ์ยินดีและยินร้าย พอใจและไม่พอใจ เพียงระยะเวลาสั้นๆ ของผู้ที่ไม่เคยฝึกอบรมจิตมาก่อน จิตจะส่งกระแสออกไปตามอารมณ์ต่างๆ นับไม่ถ้วน
เมื่อดวงจิตจะต้องดับลงจริงๆ แล้ว ดวงจิตจะยึดเอาอารมณ์สุดท้ายที่จิตเสวยอยู่นั้นมาเป็นอารมณ์จิตและติดเข้าไปยังปรโลกด้วย ไปก่อให้เกิดภพภูมิของจิต อันเปรียบเสมือนมิติแห่งความคิดที่ดวงจิตวิญญาณ เมื่อผ่านเข้าไปยังปรโลกใหม่ไปสร้างมิติแห่งความฝันนี้ให้บังเกิดขึ้น
อารมณ์ของจิตสุดท้ายก่อนตายนี้นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะดวงจิตวิญญาณจะยึดเอาไว้ เพื่อเป็นการน้อมนำไปสู่การเกิดใหม่ หรือบางครั้งอารมณ์จิตติดอยู่ในเรื่องราวอย่างใดอย่างหนึ่ง
จึงสำคัญมากที่จะต้องรักษาจิตสุดท้าย ไม่ให้ฟุ้งซ่าน มีสติอยู่เสมอ เพื่อให้ดวงจิตนี้นำไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ จึงสอน “วิธีจูงจิตผู้ป่วยใกล้ตาย” ไว้ให้ ดังนี้...
"..ถ้าป่วยใหม่ๆ อาตมาแนะนำให้ทำดังนี้คือ
1. ให้นำพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร พร้อมอาหารและ ของใช้ที่จำเป็น นำไปให้ผู้ป่วยเห็นและให้ตั้งจิต อธิษฐานว่า "ของทั้งหมดนี้ขอถวายเป็นสังฆทานแก่พระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยได้โมทนาและอโหสิกรรมให้ผู้ป่วยด้วย"แล้วญาติก็นำของทั้งหมดไปถวายพระเป็นสังฆทาน จิตใจของผู้ป่วยจะได้สบายเพราะได้เห็น พระพุทธรูปและได้ทำบุญ
2. ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ควรนำเงินจะมากหรือน้อย ตามแต่ศรัทธา ให้ผู้ป่วยถือเงินไว้และให้ตั้งจิต อธิษฐานว่า "เงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดย เจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม"
3. ในระหว่างที่นอนป่วยอยู่ ควรนำพระพุทธรูปมา ตั้งไว้ให้ผู้ป่วยได้มองเห็น อย่าไปตั้งไว้ในที่ผู้ป่วย เห็นไม่ถนัด ผู้ป่วยลืมตาขึ้นมาเมื่อใดก็จะได้เห็น พระทันที จิตของผู้ป่วยจะได้จับอยู่ที่พระใจจะสบายช่วยให้คลายจากทุกขเวทนาได้บ้าง และถ้าตาย เมื่อใดก็จะไม่ลงนรก 4. ถ้าป่วยมากมีทุกขเวทนามาก ควรแนะนำสั้นๆ ให้ นึกถึงพระพุทธเจ้า หรืออย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า ถ้าไปแนะนำยาวๆ จะเกิดอาการกลุ้ม 5. ถ้าต้องการให้ผู้ป่วยตายแล้วไปพระนิพพาน ให้นึกภาวนาว่า "นิพพานัง สุขัง" ถ้าคิดว่าป้องกันไม่ให้ ลงนรกก็ให้ภาวนาว่า "พุทโธ" ให้บอกสั้นๆ อย่าบอกยาว 6. ถ้าผู้ป่วยภาวนาไม่ไหว ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ให้นึกถึงพระไว้หรือจะนึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ อย่าไปแนะนำยาวๆ เพราะเวลานั้นทุกขเวทนามากจะทำให้กลุ้ม ดีไม่ดีจิตใจเขาดีอยู่แล้ว ถ้าแนะนำไม่ดี พูดมากไปเขาจะกลุ้มจะทำให้ลงนรกไป ให้ดูตาคนป่วย ถ้าตาลอยๆ ตาปรือๆ อย่าไปพูดมากฉะนั้น การแนะนำคนป่วยก่อนตาย ต้องระมัดระวัง.” ที่มา: จาก..หนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ข้อควรพึงปฏิบัติด้วยปัญญาเมื่อไปงานศพ งานทำบุญ7วัน 50วัน 100วัน ปัจจุบันเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่งว่าผู้คนในสังคมขาดความรู้และความประพฤติที่เหมาะสมเมื่อต้องไปงานสวดอภิธรรมที่วัด หรืองานทำบุญ 7 วัน 50 วัน 100 วันก็ตาม พฤติกรรมของผู้ไปงานศพส่วนใหญ่กลายเป็นว่า ไปเพราะเกรงใจ ไปเพราะเป็นงานสังคมที่เลี่ยงไม่ได้ ไปเพื่อพบปะเพื่อนร่วมรุ่น ดังนั้นเมื่อพระสวดอภิธรรมก็คุยกันเสียงดังกลบเสียงพระสวด เมื่อพระหยุดสวดก็แจกอาหารขนมของว่างกินไปคุยไปอีก จนเสร็จพิธีก็ต่างแยกย้ายกลับบ้านด้วยความว่างเปล่า พฤติกรรมข้างต้นเป็นการไปงานศพที่สูญเปล่าไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย แล้วพฤติกรรมเช่นไรจึงจะได้ชื่อว่าไปงานศพด้วยปัญญา 1.ไปงานศพต้องไปขออโหสิกรรมซึ่งกันและกันกับผู้วายชนม์ 2.ไปงานศพต้องไปทำบุญอุทิศกุศลผลบุญให้กับผู้วายชนม์
3.ไปงานศพต้องไปเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้วายชนม์
4.ที่สำคัญที่สุด ไปงานศพต้องไปพิจารณามรณะสติ ว่าในไม่ช้าเราก็ต้องอยู่เบื้องหน้า เราได้ทำหน้าที่ในขณะมีชีวิตดีแล้วหรือยัง ได้ดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่าดีหรือยัง เป็นผู้ที่ประมาทชอบผลัดวันประกันพรุ่งหรือไม่ ฯลฯ ดังนั้นหากเราท่านทั้งหลายได้พิจารณาข้อควรปฏิบัติข้างต้นดีแล้ว การไปงานศพ งานบำเพ็ญบุญสวดอภิธรรม งานทำบุญ7วัน 50วัน หรือ 100วัน จะเป็นงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพิจารณาดำรงชีวิตของตนได้อย่างดียิ่ง ได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรทั้งยามเป็นและยามจาก เป็นผู้มีน้ำใจต่อครอบครัวผู้ตาย และได้ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญาไม่ประมาทต่อความตาย สามารถทำความดีได้ทุกๆวัน ไม่เป็นคนที่ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง
ศึกษาปฏิบัติและบันทึกโดย : อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร
ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญ "เดชะบุญ" สอบถามโทร 0898135885, 0826516246
ข้อแนะนำในการทำบุญ 100 วัน เดชะบุญขอสรุปปกิณกะธรรมและปกิณกะพิธี คือ หลักธรรมเป็นมรณานุสติ พิธีกรรมหรือสิ่งที่ควรปฏิบัติ เกี่ยวกับการประกอบพิธีทำบุญอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์ในวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน เพื่อเป็นข้อคิดเตือนสติเพิ่มเติมดังนี้ :- 1. การนับวัน ให้นับวันที่วายชนม์เป็นวันที่หนึ่งโดยไม่ต้องไปบวกลบวันใดๆทั้งสิ้น เช่นเสียชีวิต วันที่ 1 มิถุนายน เวลา 7.00 น. ก็ให้นับวันที่ 1 มิถุนายน นี้เป็นวันที่หนึ่ง และวันที่ 7 มิถุนายน คือครบ 7 วัน นับต่อเนื่องวันที่ 20 กรกฎาคม คือครบ 50 วัน และวันที่ 8 กันยายน คือครบ 100 วัน
2. ความหมายและความจำเป็นการทำบุญ 100 วัน การทำบุญทั้งสามวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน มีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้วายชนม์ เป็นการอุทิศบุญให้ผู้วายชนม์ได้อนุโมทนา หากผู้วายชนม์ในขณะมีชีวิตได้ประกอบบุญกุศลเป็นประจำเมื่อผนวกกับบุญที่อุทิศ เมื่อได้อนุโมทนาแล้วย่อมเป็นการเพิ่มพูนบุญสู่สุคติ ในทางกลับกัน หากขณะมีชีวิตประกอบแต่อกุศล และมีมิจฉาทิฐิ อีกทั้งครอบครัวก็เพิกเฉยกับการอุทิศกุศล เช่นนี้แล้ว ผู้วายชนม์นั้นๆย่อมสู่ทุคติไร้กังขา
3. สถานที่ในการทำบุญ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน โดยทั่วไปการทำบุญ 7 วัน สามารถกระทำที่วัดได้เลย เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการสวดอภิธรรม 7 วัน โดยการถวายภัตตาหารเพลและทอดผ้าบังสุกุลแก่คณะสงฆ์ที่วัดนั้นๆ ส่วนการทำบุญวาระ 50 วัน และ 100 วัน ควรนิมนต์คณะสงฆ์มาทำการสวดฯที่บ้านที่ผู้วายชนม์เคยอาศัยอยู่ ด้วยการถวายภัตตาหารเพลและทอดผ้าบังสุกุลแก่คณะสงฆ์ เช่นเดียวกับในวาระครบ 7 วัน
4. การจัดงานทำบุญอุทิศกุศลในวาระครบ 50 วัน 100 วัน ที่บ้าน นำภาพหรืออัฐิผู้วายชนม์มาจัดวางข้างโต๊ะหมู่บูชาพระ ก่อนคณะสงฆ์จะเจริญพระพุทธมนต์ให้นำอาหารมาตั้งหน้ารูปพร้อมจุดธูปบอกกล่าวให้มารับอาหารและฟังการเจริญพระพุทธมนต์ เมื่อคณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว เจ้าภาพกล่าวคำถวายมตกภัตตาหารเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้ว หลังคณะสงฆ์ฉันภัตตาหารแล้ว ให้นำผ้าภูษาโยงจากภาพผู้วายชนม์ไปยังด้านหน้าคณะสงฆ์ทั้ง 9 รูป เพื่อทอดผ้าบังสุกุลอุทิศให้ผู้วายชนม์ คณะสงฆ์พิจารณาผ้าและสวดอุทิศกุศล จากนั้นถวายไทยธรรมเป็นสังฆทาน และกรวดน้ำอุทิศบุญให้ผู้วายชนม์
5. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส “ติโรกุฑฑสูตร” ว่าด้วยการให้ส่วนบุญแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วแก่พระเจ้าพิมพิสารว่า “อทาสิ เม อกาสิ เม ญาติ มิตฺตา สขา จ เม เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ” “กุลบุตรเมื่อหวนระลึกถึงอุปการคุณที่ท่านทำแล้วในกาลก่อนว่า คนโน้นได้ให้สิ่งของแก่เราแล้ว คนโน้นได้ทำอุปการคุณแก่เราแล้ว ญาติมิตร และสหายได้ให้สิ่งของแก่เรา และได้ช่วยทำกิจของเรา ดังนี้ พึงให้ทักษิณาทานแก่เปรตทั้งหลาย” ดังนั้น เมื่อเราหวนระลึกถึงอุปการคุณของผู้มีพระคุณ หรือบรรพบุรุษบุพการีของเราที่เคยทำความดีกับเรา ก็ควรทำทักษิณาทาน คือการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านเหล่านั้น เพราะบุญเท่านั้นเป็นสิ่งที่หมู่ญาติผู้ล่วงลับต้องการมากที่สุด และเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ส่วนการร้องไห้ เศร้าโศก พิไรรำพัน อาลัยอาวรณ์ ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดแก่ผู้ล่วงลับหนำซ้ำกลับยิ่งเพิ่มความเศร้าหมองแก่ผู้วายชนม์ กายละเอียดจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อ เราได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่านั้น ด้วยการทำทานก็ดี รักษาศีลหรือเจริญภาวนาก็ดี แล้วแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ จึงจะเป็นเสบียงสำคัญในการเดินทางในวัฏสงสารได้
6. องค์ประกอบ 3 ประการในการอุทิศบุญถึงแก่ผู้ตาย (ขุ.ขุ.อ. ติโรกุฑฑสูตร 39/291) 1.) ด้วยการถึงพร้อมแห่งทักขิไณยบุคคล เช่น พระภิกษุ สามเณรผู้มีศีลบริสุทธิ์ 2.) ด้วยการอุทิศของทายก(ผู้ให้, ผู้ถวาย)ทั้งหลาย 3.) ด้วยการอนุโมทนาด้วยตนเองของผู้วายชนม์
7. การทำบุญด้วยตนเองก่อนสิ้นลม ในกรณีผู้ป่วยที่แพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายได้แล้ว การทำบุญด้วยตัวเองในขณะที่ยังมีสติอยู่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ความปลาบปลื้มในทาน ศีล ภาวนา ที่ตนเองได้กระทำเองจะเป็นภาพความทรงจำคือคตินิมิตที่เป็นกุศลช่วยบรรเทาทุกขเวทนาในวาระสุดท้ายได้ ดังนั้นครอบครัวผู้ดูแลต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ท่านได้ทำเองตั้งแต่ยังมีสติ “ธรรมโอสถ” คือยาดีที่ต้องบำบัดควบคู่การรักษาทางการแพทย์ด้วย
8. นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ, กตญฺญูกตเวทิตา,ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี ความปรารถนาสามประการของพ่อแม่ทุกคน ที่ลูกๆพึงรู้และปฏิบัติดูแลต่อท่าน ยามแก่เฒ่า หวังเจ้า เฝ้ารับใช้ หมั่นดูแลปรนนิบัติไม่ทอดทิ้ง ไม่เพิกเฉยให้ท่านน้อยใจเสียใจ
9. ความเสมอต้นเสมอปลายแห่งความกตัญญูกตเวที มีผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความผูกพันอาลัยอาวรณ์ร้องห่มร้องไห้ต่อการตายของพ่อแม่หรือสามีภรรยาดุจจะตายตามกัน และผู้คนเหล่านี้อีกจำนวนมาก เมื่อครั้นกาลเวลาผ่านไป กลับกลืนกินความรักความทรงจำที่เคยมีกันมา สุดท้ายในเวลาอันสั้นก็เพิกเฉยต่อการทำบุญอุทิศกุศลแก่ผู้ตาย บ้างก็คิดเข้าข้างตนเองว่า คงไปเกิดใหม่แล้วบ้าง ตายแล้วสูญบ้าง ทำบุญไปก็คงไม่ได้บ้าง นี้ล้วนแล้วไม่เป็นกุศลต่อผู้คิดและผู้วายชนม์เลย ชีวิตในวัฏสงสารยาวนานนัก ตราบใดยังไม่บรรลุมรรคผลย่อมเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น คนเป็นต้องทำให้คนตายถึงได้รับ การทำบุญอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจึงเป็นกุศลกรรมต่อผู้กระทำและยังประโยชน์แก่ผู้วายชนม์แน่นอน
10. ทำบุญต้องปลอดสุราและอบายมุข กุศลเจตนาอันบริสุทธิ์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประกอบพิธีทำบุญทุกๆประเภท การจัดงานทำบุญสวดอภิธรรม 7 วัน การทำบุญอุทิศกุศลบังสุกุล 50 วัน 100 วัน ต้องปลอดสุรา งดการเลี้ยงเหล้าเบียร์ของมึนเมา และการพนันทุกประเภท เพื่อให้การทำบุญอุทิศกุศลนั้นๆเป็นบุญอันบริสุทธิ์ที่ถึงผู้วายชนม์บรรพบุรุษและบุพการี
11. มารยาทและข้อพึงปฏิบัติเมื่อไปงานสวดอภิธรรม (งานศพ) การไปงานศพไม่ใช่ไปเพียงเพื่อนั่งคุยในคณะพระสวดหรือรับประทานอาหารในงานเท่านั้น แต่ประโยชน์ที่พึงจะได้จากการไปงานศพคือได้มีมรณานุสติเตือนตนว่าเรามีความตายเป็นธรรมดาไม่สามารถล่วงพ้นความตายได้ เมื่อมีชีวิตอยู่พึงทำความดีสร้างบุญกุศลให้เกิดแก่ตน การไปงานศพจึงไปเพื่อเป็นกำลังใจแก่ครอบครัวผู้วายชนม์ ไปขออโหสิกรรมและอุทิศบุญให้ผู้วายขนม์ด้วยจิตที่ปรารถนาดี
12. ปัจจัยอันได้รับจากการทำบุญ ในการประกอบพิธีทำบุญสวดอภิธรรมก็ตาม หรือการจัดงานทำบุญ 50 วัน 100 วัน หากมีผู้ร่วบุญนำปัจจัยมาร่วม ควรรับปัจจัยเหล่านั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายในการทำบุญ แม้ว่าครอบครัวจะมีฐานะก็ตามก็ไม่ควรปัดหรือปิดโอกาสให้ญาติมิตรได้ร่วมบุญ เพราะการร่วมปัตติทานมัยของญาติมิตรเป็นกุศลที่สามารถนำไปประกอบการทำบุญอุทิศกับผู้วายชนม์ได้ดียิ่ง อย่างไรก็ตามไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำปัจจัยอันได้จากการทำบุญนี้ไปใช้จ่ายกินเที่ยวหาความเพลิดเพลินสนุกสนาน เพราะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้ทำบุญที่ต้องการอุทิศกุศลให้ผู้วายชนม์
13. ทำบุญกุศลด้วยความไม่ประมาท ความตายไม่มีนิมิตหมาย ทุกสรรพชีวิตล้วนต้องตาย จงอย่าประมาทในวัย ในฐานะ ในอาชีพ ในสังขาร ในภัยต่างๆ และจงอย่าประมาทในการสร้างบุญกุศล และจงอย่าประมาทว่าหากตัวเราไม่อยู่แล้วครอบครัวลูกหลานต้องทำบุญให้เราแน่นอน เพราะหากหวังแต่คนอื่นย่อมผิดหวังและเสียใจ ดังนั้นจึงควรหมั่นสั่งสมด้วยตัวของเราเองตั้งแต่วันที่ยังแข็งแรงมีชีวิตอยู่
เขียนและเรียบเรียงโดย วิสิทธิ์ คุณนิรันดร สอบถามรับคำปรึกษาได้ที่ 0898135885, 0826516246 Lineเพื่มเพื่อนหมายเลขโทร 0826516246
ศึกษาปฏิบัติและบันทึกโดย : อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร
ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญ "เดชะบุญ" สอบถามโทร 0898135885, 0826516246
ตายแล้วไม่สูญแน่นอน
สังขารร่างกายแตกดับเสื่อมสลายเป็นธาตุ 4 ดินน้ำลมไฟ ส่วนจิตไม่มีวันดับ ทุกสรรพชีวิตยังคงต้องวนเวียนในวัฏสงสารใน 2 ภพภูมิ คือสุคติ ดินแดนที่เปี่ยมสุขด้วยผลบุญ และทุคติ ดินแดนที่ทุกข์ทรมานจากบาปอกุศล ทั้งสุคติภูมิและทุคติภูมิเป็นเพียงห้วงเวลาหนึ่งที่เสวยผลกรรมของตนเอง เมื่อหมดห้วงเวลานั้นๆแล้วก็เวียนว่ายตายเกิดและตายเกิดในวัฏสงสาร จนกว่าผู้นั้นจะประพฤติปฏิบัติหมดสิ้นอาสวะกิเลสเข้าถึงมรรคผลนิพพาน
ดังนั้นแม้ผู้ที่จะเชื่อว่าการฆ่าตัวตายจะทำให้พ้นทุกข์ในปัจจุบันก็ตาม แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้น เพราะปลายทางของการฆ่าตัวตายนั้นยังมีภพภูมิที่ทุกข์มหันต์ยิ่งกว่าโลกนี้รอคอยอีก ความเชื่อผิดๆที่กระทำลงไปโดยไม่แสวงหาความรู้จริงก่อนจึงเป็นเพียงการย้ายปัญหาจากความทุกข์น้อยสู่ความทุกข์แสนสาหัส
เขียนมอบเป็นธรรมทานโดย
อาจารย์วิสิทธิ์ / เดชะบุญ
สอบถามติดต่อจัดงานทำบุญ 0898135885, 0826516246
เริ่มต้นการนับวัน
หลักการนับวันวายชนม์ในพระพุทธศาสนาให้นับวันที่วายชนม์เป็นวันที่หนึ่ง เช่นวายชนม์เวลา 22.00 น. วันที่ 10 มกราคม ก็ให้นับ 10 มกราคมเป็นวันที่หนึ่ง 11 มกราคม ก็เป็นวันที่สอง เป็นต้น
การนับให้นับตรงๆไม่ต้องมีการบวกลบจำนวนใดๆทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนบุตรแต่ประการใด ครบ 50 วัน เรียกว่า"ปัญญาสมวาร" คือกึ่งทางในการรอพิพากษา ครบ 100 วัน เรียกว่า"ศตมวาร" ตรงกับวันที่พญามัจจุราชพิพากษาส่งดวงวิญญาณสู่ภพภูมิใหม่ ศึกษาและบันทึกมอบเป็นธรรมทานโดย
อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร /เดชะบุญ
สอบถามติดต่อจัดงานทำบุญ 0898135885, 0826516246
เรื่องเล่าชาตินี้...ชาติหน้า
........มีตั๊กแตนตัวหนึ่งเล่นกับแมงเม่า เพลิดเพลินสนุกจนถึงเย็น พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ตั๊กแตนก็บอกแมงเม่าว่า เดี๋ยวเราไปพักกันก่อนมันจะมืดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่ แมงเม่าก็งงว่าพรุ่งนี้คืออะไร เพราะปกติแมงเม่าจะมีอายุอยู่แค่วันเดียว มันไม่รู้จักพรุ่งนี้ ตั๊กแตนก็พยายามอธิบายว่า พรุ่งนี้ก็คือพระอาทิตย์ตกดินแล้ว มันมืด พรุ่งนี้ก็ขึ้นใหม่ไง แมงเม่าก็เกาหัวไม่รู้เรื่อง เสร็จแล้วพอรุ่งเช้า พระอาทิตย์ขึ้น ตั๊กแตนพยายามหาแมงเม่าก็หาไม่เจอเลย เพราะว่ามันหมดอายุขัยของมันแล้ว ตั๊กแตนก็เลยไปเล่นกับกบแทน เล่นกันสนุกเลยจากฤดูร้อนจนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วง อากาศก็เริ่มหนาว พอทนไม่ไหวกบก็เลยบอกตั๊กแตนว่าอากาศหนาวแล้ว ปีนี้ไม่ไหวแล้วนะ ไว้ปีหน้าเข้าฤดูใบไม้ผลิ อากาศอุ่นขึ้นก่อน แล้วเราค่อยมาเล่นกันใหม่เถอะ ตั๊กแตนก็งง ถามกบว่า ปีหน้าคืออะไรเหรอ เพราะตั๊กแตนวงจรอายุแค่ปีเดียว กบก็อธิบาย ก็พอเดี๋ยวเข้าหน้าหนาวหิมะตกมันขาวไปหมดเลย เราก็ต้องไปจำศีลไง อยู่ในรู พออากาศอุ่นเราก็ค่อยออกมามันก็จะอุ่นขึ้นหิมะก็จะละลาย ตั๊กแตนฟังเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ แล้วกบเองก็ต้องไปจำศีลล่ะ พอถึงปีหน้าก็หาตั๊กแตนไม่เจอเหมือนกัน..... เราเคยนึกไหมว่าไปคุยกับคนบางคนที่เขาไม่เข้าใจเรื่องชาติหน้า นึกว่ามีแค่นี้ พูดเท่าไหร่ก็คงจะเกาหัวเหมือนกัน เพราะเขาบอกว่าไม่มี แค่ชาตินี้แหละ แล้วก็ใช้ทุกอย่างอย่างถล่มทลาย เหมือนแมงเม่ามันคิดว่ามีแค่วันนี้ พอเจอแสงไฟเท่านั้นเองมันบินเข้าใส่กองไฟเลย ถ้าเป็นกองไฟที่ลุกอยู่ก็บินเข้าแล้วตายเลยนะ ที่เขาเรียกว่าแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ปัจจุบันเป็นไฟฟ้าเป็นหลอด เราเคยเห็นไหม แมงเม่ามันบินชนหลอดไฟ ชนแล้วชนเล่า เหมือนเราเอาหัวชนกำแพง เจ็บน่าดู แต่มันก็ยังชนอย่างนั้น จนกระทั่งกองตายเกลื่อนที่ใต้โคมไฟ แม้แต่ตัวของเจ้าตั๊กแตนเอง มันเสร็จแค่ปีเดียว มันก็ใช้ร่างกายถล่มทลาย คนที่คิดว่ามีแค่ชาตินี้ชาติเดียว ก็เลยใช้สังขารอย่างถล่มทลาย สร้างวิบากกรมอย่างถล่มทลาย กิน ดื่ม เที่ยว ทำบาป ทำกรรม ผิดศีลผิดธรรมสารพัดอย่าง เพราะคิดว่ามีอยู่แค่ชาตินี้ ซึ่งน่าเสียดายจริงๆ ถ้าเห็นภาพกว้างออกไปว่า ชีวิตเราไม่ได้สิ้นสุดที่ความตาย ยังมีชาติหน้าอีก ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีก จนกว่าจะหมดกิเลสแล้วเข้านิพพานเมื่อไหร่ถึงจะจบ เข้าใจอย่างนี้แล้วล่ะก็ เราจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เห็นร่างกายเห็นจิตใจเราเองเป็นสิ่งที่มีค่า ต้องทะนุถนอมแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างเต็มที่ ด้วยการสร้างบุญสร้างกุศลทำความดี เจริญพร
เดชะบุญขอกราบอนุโมทนาด้วยความเคารพ
ต่อพระอาจารย์นิรนามผู้เขียนบทความธรรมะนี้
อุปมาอบรมสั่งสอนผู้คนให้เห็นชีวิตในวัฏสงสาร
ความรู้เรื่องชีวิตหลังชีวิต ที่ต้องรู้ก่อนตาย
ความเชื่อ แตกต่างกับ ความจริงอย่างไร ? ความเชื่อ เป็นส่วนเฉพาะบุคคล หรือกลุ่มบุคคลจำนวนมาก อาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ความจริง เป็นสิ่งที่แม้ไม่เชื่อก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆได้ เป็นความจริงเช่นนั้นเสมอ เดชะบุญ ขอนำความเชื่อที่ได้ประสบพบเห็นและได้ยินเกี่ยวกับ “ความตาย” ได้เปรียบกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในพระธรรมคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้สั่งสมบำเพ็ญเพียร 4 อสงไขยกับหนึ่งแสนมหากัปตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อให้ผู้อ่านได้พิจารณาด้วยสติปัญญาประดับเป็นความรู้และกระทำได้อย่างถูกต้องทั้งต่อตนในวันที่ยังมีลมหายใจ และต่อบุคคลผู้เป็นที่รักที่ละโลกแล้ว
ความเชื่อ เกิดหนเดียวตายหนเดียว ชาติที่แล้วไม่มี ชาติหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ ความจริง ทุกสรรพชีวิตในวัฏสงสารล้วนต่างต้องเวียนว่ายตายเกิด ตายแล้วไม่สูญ มีภพภูมิรองรับกรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเรื่องสัมมาทิฏฐิ 10 ประการ ดังนี้ 1. ทานที่ให้แล้วมีผลจริง 2. ยัญที่ทำแล้วมีผลจริง (การสงเคราะห์กันมีผล) 3. การยกย่องบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผลจริง
4. วิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วมีผลจริง 5. โลกนี้มีจริง 6. โลกหน้ามีจริง
7. มารดามีคุณจริง 8. บิดามีคุณจริง 9. สัตว์ที่เกิดแบบโอปปาติกะมีจริง
10. พระอรหันต์ผู้ สามารถรู้แจ้งโลกนี้โลกหน้ามีอยู่จริง
ความเชื่อ ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ บุญบาปไม่มีจริง ไม่มีผลต่อชีวิต ความจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสฐานสูตร "....สรรพชีวิตมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น โดยที่แท้ สัตว์ทั้งปวงบรรดา ที่มีการมา การไป การจุติ การอุบัติ ล้วนมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่ง กรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เมื่ออริยสาวกนั้นพิจารณาฐานะ นั้นอยู่เนืองๆ มรรคย่อมเกิดขึ้น อริยสาวกนั้นย่อมเสพ อบรม ทำให้มากซึ่ง มรรคนั้น เมื่อเสพ อบรม ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่ ย่อมละสังโยชน์ได้ อนุสัยย่อมสิ้นไป ฯ" ตอนมีชีวิตต้องรู้ ดีกว่า ไปลุ้นตอนตายแล้ว
ความตายเป็นสิ่งเที่ยงแท้ที่สุด จะรวยหรือจน ทุกเพศทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกการศึกษา ทุกชาติตระกูล ทุกตำแหน่งหน้าที่การงาน จึงควรเป็นผู้ไม่ประมาทหาความรู้ตอนมีชีวิตอยู่ ว่าจะใช้ชีวิตในโลกนี้และโลกหน้าได้อย่างมีคุณค่าอย่างไร ไม่มีบังเอิญเกิดเป็นพระราชา เศรษฐี ชาติตระกูลสูง ปัญญาดี มีอายุยืนยาว ไม่ใช่โชคร้ายเกิดเป็นยาจก ชาติตระกูลต่ำ โรคภัยเบียดเบียน ด้อยปัญญา หรืออายุขัยสั้น ทุกอย่างล้วนเกิดจากกรรมดีและชั่ว สัตว์โลกมีกรรมเป็นเครื่องกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ดีหรือชั่วก็ตาม จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอริยเจ้าทั้งหลายก็หนีไม่พ้นกรรม เราท่านทั้งหลายจึงควรสั่งสมบุญสร้างบารมี ทำความดีทั้งปวงในวันที่มีชีวิต อย่าประมาทในวัย ฐานะ การศึกษา ชาติตระกูล เพราะเมื่อตายจากย่อมไม่สามารถนำทรัพย์สินยศถาบรรดาศักดิ์ไปได้ สิ่งเดียวที่จะติดตัวได้คือบุญและบาปที่ได้กระทำไว้เท่านั้น จงอย่าได้ไปฝากความหวังให้คนเบื้องหลังทำบุญอุทิศบุญ 7 วัน 50 วัน 100 วัน หรือครบรอบปีให้เลย จงทำความดีทำบุญกุศลด้วยตนเองตั้งแต่วันนี้ วันหน้าจะได้ไม่ต้องน้อยใจ เสียใจ ผิดหวัง ว่าทำไมคนที่เคยบอกว่ารักไม่ทำบุญให้ตน
แม้ผู้คนที่มีฐานะต่างกัน อาจมีจำนวนนาฬิกาได้ไม่เท่ากัน แต่ทุกคนทุกชนชั้น ล้วนมีจำนวนเวลาที่จะทำดีหรือชั่วเท่ากัน
“เดชะบุญ” บริการจัดงานทำบุญ
ทำบุญ 50 วัน (ปัญญาสมวาร 50 วัน)
ทำบุญ 100 วัน (ศตมวาร 100 วัน)
ด้วยปัญญาและสัมมาทิฏฐิถูกต้องตามหลักธรรม
ติดต่ออาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร
วิทยากรบรรยายธรรม และ ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญ
Line หมายเลขโทร 0826516246
เพราะตายแล้วไม่สูญ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก
โทรสอบถามเพื่อรับข้อมูลจัดงานทำบุญ 50-100 วันด้วยหลักธรรม
ยินดีให้คำแนะนำและสนทนาธรรมความรู้การทำบุญ ปรึกษาขอบริการจัดงานทำบุญ โปรดจองวันจัดงานล่วงหน้า*
โทรติดต่อได้ทุกวัน 07.00 - 23.00 น. ไม่มีวันหยุด
"คุณวิสิทธิ์ คุณนิรันดร" วิทยากรบรรยายธรรม และ ผู้อำนวยการจัดงานบุญ
มือถือ: 089-813-5885, 082-651-6246*
lineเพิ่มเพื่อนหมายเลขโทร : 0826516246 Email: dechaboon4u@gmail.com *ขออภัย หากโทรมาแล้วอยู่ขณะดำเนินพิธีหรือบรรยายธรรมไม่ได้รับสาย จะรีบติดต่อกลับหลังพิธี/บรรยายครับ
|