ถามตอบ แนะนำทำบุญ 7 วัน 50 วัน 100 วัน เดชะบุญผู้ชำนาญการจัดงานพิธี
ครอบครัวต้องรู้ “วิธีทำบุญ 50-100 วัน” แบบถูกวิธี
1. ตายแล้วไม่สูญ บาปบุญมีผลต่อภพภูมิใหม่
2. ทุกวัดมีเทวดาเจ้าที่คุ้
3. การทำบุญ 50 วัน 100 วัน ที่บ้านของผู้ตายด้วยการนิมนต์
4. การทำบุญศตมวาร 100 วัน ไม่สามารถทำเลย 100 วัน เพราะเลยจากวันที่พระยายมราชพิ
5. พิธีทำบุญ 50 – 100 วัน ไม่เหมือนพิธีทำบุญบ้านโดยสิ้
6. เดชะบุญจัดงานทำบุญปัญญาสมวาร 50 วัน และศตมวาร100 วัน ด้วยผู้ศึกษาธรรมะปฏิบัติธรรมมี
7. อย่าทอดทิ้งให้ผู้ตายต้องอ้างว้
8. เพราะความเชื่อไม่ใช่ความจริ
สอบถาม/จองวัน จัดงานทำบุญอุทิศกุศล 50-100 วัน
ลูกค้าสามารถเลือกแพคเกจใหม่ ตรงตามใจต้องการ
#ยินดีให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
สอบถามสนทนาธรรมเพิ่มเติมที่
อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร วิทยากรธรรม/เดชะบุญ
นักธรรมตรี ธรรมศึกษาชั้นตรี-โท-เอก
089-813-5885, 082-651-6246
พระสถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์
เดชะบุญน้อมศิระกรานกราบแทบพระยุคลบาท
เดชะบุญปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรภาครัฐ กระทรวง กรม บริษัทฯ ห้างร้านเอกชน โครงการที่อยู่อาศัย ฯลฯ ให้ดำเนินการจัดงานทำบุญน้อมถวายเสด็จพระราชกุศลต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช ทั้งในวาระปัญญาสมวาร๕๐วัน ศตมวาร๑๐๐วัน และครบวาระคล้ายวันสวรรคต๑ปี นับเป็นความภาคภูมิใจในฐานะพสกนิกรชาวไทยที่ได้มีโอกาสแสดงความกตัญญูกตเวทีน้อมบุญถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย.
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นายวิสิทธิ์ คุณนิรันดร คณะผู้บริหารและทีมงานเดชะบุญ
รวมถามตอบข้อสงสัยทางบ้าน
พิธีการทำบุญ 50 วัน (ปัญญาสมวาร)
และทำบุญ 100 วัน
(ศตมวาร)
ถาม : ตายแล้วทำไมต้องทำบุญสวดอภิธรรม 3 วัน 5 วัน 7 วัน และทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน มีประโยชน์อะไรครับ ? ตอบ : เพราะตายแล้วไม่สูญ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงในวัฏสงสาร ชีวิตหลังชีวิตของทุกๆสรรพชีวิตไม่จำกัดเชื้อชาติศาสนนาสีผิวเผ่าพันธุ์ล้วนต่างต้องเวียนว่ายตายเกิด ทรัพย์สินเงินทองใช้ได้เฉพาะโลกนี้ แต่เมื่อละโลกแล้วกรรมเป็นเครื่องกำหนดสู่สุคติหรือทุคติ หากตลอดชีวิตดำรงชีวิตด้วยกรรมดีประกอบด้วยทำทานรักษาศีลเจริญภาวนามีสติ ย่อมมี “บุญต้นทุน” นำพาดวงจิตตนเองเดินทางสู่สุคติ แต่ถ้าผู้ตายละเลยการสั่งสมบุญต้นทุนในขณะมีชีวิต การทำบุญสวดอภิธรรม ตลอดทั้งการทำบุญอุทิศกุศลในวาระ 50-100 วัน จึงเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผู้ตายจะได้ “บุญสมทบ” อุทิศกุศลจากครอบครัวและหมู่ญาติให้พอมีเสบียงบุญเดินทางข้ามวัฏสงสานอันยาวนานอย่างไม่ทุกข์ยากลำบากครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : เสร็จจากงานศพ เก็บอัฐิ ลอยอังคาร แล้วยังต้องทำบุญอะไรอีกคะ ? ตอบ : ช่วงเวลาหลังวายชนม์ 100 วันนี้ (หน่วยของวันเวลาแต่ละภพภูมิไม่เท่ากัน) เป็นช่วงเวลาหัวหัวต่อของภพภูมิที่สำคัญอย่างยิ่ง หากผู้ตายประกอบด้วยบุญต้นทุนที่ได้ทำไว้มากพอ ก็อาจไม่จำเป็นรอบุญสมทบที่ครอบครัวอุทิศ แต่ถ้าทั้งผู้ตายเองก็ไม่ได้สร้างบุญต้นทุนไว้ ใช้ชีวิตด้วยความประมาทคิดว่าตายแล้วสูญบ้าง ครอบครัวก็ไม่ได้ศึกษามีความรู้อีกทั้งไม่ได้เห็นความสำคัญของทำบุญอุทิศกุศลด้วย ชีวิตหลังชีวิตย่อมอยู่อย่างอเน็จอนาถมืดมนด้วยบาปอกุศลเข้าครอบงำ การทำบุญอุทิศระหว่าง 100 ทุกๆวัน โดยเฉพาะในวาระกึ่งทาง 50 วัน และวันพิพากษาที่ 100 วัน จึงมีความสำคัญมากๆต่อภพภูมิใหม่ที่ผู้ตายจะไปจุติ เพราะหากสุคติก็สุขแสนยาวนาน แต่ถ้าทุคติก็ทุกข์สาหัสแสนยาวนานเช่นกันนะครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : การนับวันทำบุญ 7 วัน ทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน นับอย่างไรคะ ? ตอบ : หลักการนับคือนับวันวายชนม์เป็นวันที่ 1 โดยนับตรงๆไม่ต้องบวกลบตัวเลขใดๆทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น เสียชีวิตวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ครบวาระ 50 วัน ปัญญาสมวารตรงกับวันที่ 28 สิงหาคม ครบวาระ 100 วัน ศตมวารตรงกับวันที่17 ตุลาคม 2567 ตามลำดับครับ ข้ออ้างอิงจดหมายเหตุประเทศไทยที่ชัดเจนคือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ประกอบพิธีปัญญาสมวาร 50 วัน วันที่ 1 ธันวาคม 2559 และประกอบพิธีศตมวาร 100 วัน วันที่ 20 มกราคม 2560 ครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : ทำบุญให้ผู้วายชนม์ต้องดูฤกษ์หรือไม่คะ ?
ตอบ : การทำบุญในวาระ 50 วัน 100 วัน ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องฤกษ์ใดๆครับ ไม่ควรนำเรื่องฤกษ์มาแสวงประโยชน์กับความตายของผู้วายชนม์ไม่เป็นอกุศลกรรมต่อลูกหลาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่สรรเสริญสั่งสอนเรื่องฤกษ์ยามครับ การที่ผู้วายชนม์จะเดินทางไปสุคติหรือทุคติเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมล้วนๆครับ และการทำบุญอุทิศกุศลด้วยกุศลเจตนาที่มีความกตัญญูกตเวทีก็นำมาซึ่งความสุขความเจริญต่อตนเองแน่นอนครับ
อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : ทำบุญ 100 วัน เลย 100 วันได้หรือไม่ครับ ? พอดีติดประชุมไม่ว่าง ญาติก็เดินทางมาไม่ทันกันครับ ตอบ : กรณีทำบุญวาระ 50 วัน ตรงได้จะดียิ่งครับ หรืออนุโลมบวกลบ 3 วัน 5 วันเพราะยังอยู่ในห้วง 100 วัน แต่ในกรณี 100 วัน ต้องตรงหรือก่อนเท่านั้น ทำเกิน 100 วันเป็นโมฆะ ไม่เป็นกาละของศตมวารครับ ที่สำคัญต้องศึกษาและรู้ความหมาย รอบเวลา 100 วันทางโลก เป็นช่วงเวลาที่กายละเอียด (วิญาณ) ผู้วายชนม์ยังสามารถรับบุญสมทบจากการอุทิศได้ กาล 100 วันตรงกับเวลาที่พระยายมราชพิพากษาส่งกายละเอียด(วิญาณ)ไปเกิดในภพภูมิใหม่ หากผู้วายชนม์มีบุญต้นทุนและบุญสมทบที่มีกุศลย่อมไปบังเกิดที่สุคติภูมิ แต่ถ้าผู้วายชนม์นั้นๆไม่มีทั้งบุญต้นทุนและบุญสมทบมีแต่อกุศลกรรมที่ได้ทำเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ และเมื่อยิ่งไม่มีบุญสมทบหนุนนำ ย่อมเดินทางสู่ทุคติภูมิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อุปมาเหมือนในทางโลกมีศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา หากผู้ต้องหาหรือทนายเพิกเฉยไม่หาพยานหลักฐานมาหักห้าง เมื่อศาลฎีกาพิพากษาต้องโทษจองจำแล้วย่อมเป็นที่สิ้นสุด แม้วันรุ่งขึ้นจะยื่นพยานหลักฐานก็ไม่ทันแล้ว ดังนั้นการทำบุญในวาระ 100 วันนี้ เรื่องวันเวลาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งครับ จึงไม่สมควรให้เลย 100 วันแล้วค่อยทำบุญด้วยเหตุผลว่าติดประชุมนะครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com ถาม : ทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน ไปทำที่วัดจะสะดวกกว่า บ้านแคบของเยอะมาก ไปทำที่วัดดีมั้ยค่ะ แต่ก็เคยได้ยินมาว่าควรทำที่บ้านมากกว่า แนะนำอย่างไรดีคะ ? ตอบ : กายละเอียดผู้วายชนม์ผูกพันกับบ้าน / บุคคลในครอบครัว วัดไม่ใช่สถานที่สาธารณะที่กายละเอียดจะเข้าออกได้ครับ คนเดินเข้าออกวัดได้แต่กายละเอียดวิญญาณทำไม่ได้เหมือนคน ด้วยทุกวัดมีพระภูมิเจ้าที่คุ้มครองอาณาเขตพระอาราม แม้จะตั้งศพที่ศาลาวัดก็ใช่ว่าวิญญาณจะเข้ามาพื้นที่พระอารามได้โดยพลการครับ แต่การจัดงานทำบุญ 50 วัน 100 วันที่บ้าน กายละเอียดผู้วายชนม์มาร่วมฟังพระสวดมนต์ได้ที่บ้าน เจ้าที่คุ้นเคยกับผู้วายชนม์ย่อมเปิดทางอดีตเจ้าเรือนมารับบุญได้ ดังนั้นหลักคิดที่ถูกต้องจึงไม่ใช่คนเป็นคิดว่าตัวเองสะดวกหรือไม่ แต่ต้องให้ความเคารพว่าผู้ตายว่าท่านผูกพันกับบ้านและครอบครัวที่อยู่ บ้านจะเก่าจะเล็กจะแคบก็ยังผูกพันกว่าวัดที่กว้างขวางโอ่อ่าแต่ผู้วายชนม์ไม่ผูกพันและไม่สามารถเข้าไปร่วมได้ครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com ถาม : ทำบุญ 7 วัน ทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน พระสวดบทอะไรครับ ?
ตอบ : ทำบุญศพ 7 วัน สวดอนัตตลักขณสูตร /ทำบุญ 50 วัน สวดอาทิตตปริยายสูตร / ทำบุญ 100 วัน สวดธรรมนิยามสูตร แต่ปัจจุบันทั้ง 50-100 วันมักนิยมเป็นบทธรรมนิยามสูตรทั้งสองวาระ งานทำบุญศพมีธรรมเนียมอยู่ว่า คณะสงฆ์ไม่สวดเจ็ดตำนานสิบสองตำนาน ธรรมจักร ไม่ล้อมสายสิญจน์ ไม่ตั้งขันน้ำมนต์ ไม่พรมน้ำมนต์ และไม่มีการเจิมครับ
อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : ทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน เหมือนทำบุญบ้านหรือไม่คะ สามารถทำพร้อมๆกันเลยได้หรือไม่คะ ? ตอบ : พิธีการทำบุญมีสองประเภท คือ 1.งานมงคล เช่น งานทำบุญบ้าน ทำบุญบริษัท ทำบุญอายุวัฒนะ รวมเรียกว่า เจริญพระพุทธมนต์ 2.งานอวมงคล เช่น งานทำบุญศพ ทำบุญ50วัน ทำบุญ100วัน รวมเรียกว่า สวดพระพุทธมนต์ การประกอบพิธีกรรมและบทบาลีแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ทำบุญบ้านใช้บทชุมนุมเทวดา บทอาราธนาพระปริตบทเจ็ดตำนานสิบสองตำนาน มีการล้อมสายสิญจน์ มีตั้งขันน้ำมนต์ มีพรมน้ำมนต์และเจิม แต่งานทำบุญศพใช้บทสวดอภิธรรม บทมาติกา งานทำบุญ 50-100 วัน ใช้บทธรรมนิยาม ไม่มีการล้อมสายสิญจน์ ไม่ตั้งขันน้ำมนต์ ไม่มีพรมน้ำมนต์และเจิมแต่อย่างใด เข้าตำราที่ว่า กินยาต้องถูกโรค สวดมนต์ต้องถูกกาละ อย่างไรก็ตามการทำบุญทั้งสองประเภทล้วนแล้วแต่ประกอบด้วยกุศลเจตนาย่อมเป็นประโยชน์บังเกิดแก่มนุษย์เทพเทวาผู้วายชนม์ครับ การทำบุญแต่ละประเภทจึงควรพิจารณาเหตุแห่งกาละที่ถูกต้องด้วยนะครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : งานทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน มีองค์ประกอบอะไรคะ ต้องทำอะไรบ้างคะ ?
ตอบ : องค์ประกอบการทำบุญ 7 วัน 50 วัน (ปัญญาสมวาร) และ 100 วัน (ศตมวาร) 1. นิมนต์อาราธนาคณะสงฆ์สวด "บทธรรมนิยาม" ที่บ้านผู้วายชนม์หรือบ้านครอบครัวผู้วายชนม์ บ้านและครอบครัวคือสถานที่ผู้วายชนม์ผูกพันครับ 2. เจ้าภาพกล่าวคำถวายมตกภัตตาหารเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้วและสังฆทานเป็นเสบียงบุญให้ผู้วายชนม์ครับ 3. ทอดผ้าบังสุกุลถวายคณะพระภิกษุสงฆ์ (ใช้ผ้าไตรเต็มใหม่เท่านั้น ไม่นำของที่ถวายพระแล้วมาเวียนถวายโดยขาดความเคารพ) ครับ 4. ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมเป็นสังฆทานแก่หมู่สงฆ์ที่นิมนต์มาสวดพุทธมนต์ เป็นเสบียงบุญอุทิศต่อผู้วายชนม์ครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com ถาม : ทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน ต้องอาราธนาบทไหน ใช่บทพระปริตรหรือไม่ครับ ตอบ : งานพิธีทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน ต้องใช้บทอาราธนาธรรมนิยามครับ ไม่ใช้บทพระปริตเพราะผิดกาละครับ และตอนนิมนต์พระต้องแจ้งกาละในการทำบุญว่าเป็นงานอะไร ทางวัดจะได้คัดคณะสงฆ์ที่สามารถสวดธรรมนิยามได้นะครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : ของถวายพระเวลาทำบุญ 50 วัน กับ ทำบุญ 100 วัน ต้องใช้อะไรบ้างคะ ?
ตอบ : ของถวายพระงานทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วันควรประกอบด้วย 1.ชุดผ้าไตรเต็ม (ไตรครอง) เพื่อการทอดผ้าบังสุกุล ควรเลือกสีไตรให้ตรงกับสีนุ่งห่มของวัดนั้นๆที่มาประกอบพิธี 2.ชุดไทยธรรมถวายสังฆทาน จะเป็นเครื่องอุปโภคหรือบริโภค (ของกินของใช้) ก็ได้ 3.ปัจจัยและมาลัย/ดอกไม้ ถวายแด่ประธานสงฆ์และคณะสงฆ์ที่ประกอบพิธี
4.ภัตตาหารถวายเป็นมตกภัตตาหารอาหารคาวหวานแด่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
อนึ่งทั้งชุดไตรเต็มบังสุกุลและไทยธรรมเป็นสังฆทานควรเป็นของใหม่ ไม่ควรเป็นของเวียนที่ผ่านการถวายแล้ว เพราะบุญละเอียดในวัตถุถวายแล้วคงเหลือแต่ของหยาบเท่านั้น อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com ถาม : ทำบุญแบบประหยัด เอาของเวียนไปถวายได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : การทำบุญถวายวัตถุทานควรใช้หลักความเคารพ มีประโยชน์ ไม่ฟุ่มเฟือย ด้วยค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมตามกำลังทรัพย์ของแต่ละท่าน ไม่ควรทำแบบสักแต่ทำๆให้จบๆไป ไม่ควรถวายวัตถุที่ไม่มีคุณภาพหรือหมดอายุ อันจะก่อให้เกิดโทษย้อนกลับไปยังผู้ถวายเองนะครับ
อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com ถาม : ผ้าบังสุกุลคืออะไร ถวายไปพระก็มีใช้อยู่แล้ว ถวายไปก็คงไม่ได้ใช้ ถวายเป็นผ้าห่มผ้านวมดีกว่าหรือไม่ครับ
ตอบ : คำว่า "บังสุกุล" นั้น มาจากคำภาษาบาลีว่า ปํสุ (อ่านว่า ปัง-สุ) แปลว่า ฝุ่น และคำว่า กูล (อ่านว่า กู-ละ) แปลว่า เปื้อน คลุก สมาสคำทั้งสองเข้าด้วยบทวิเคราะห์เป็น ปํสุกูล (อ่านว่า ปัง-สุ-กู-ละ) แปลว่า ผ้าที่เปื้อนฝุ่น ในสมัยพุทธกาลภิกษุต้องแสวงหาผ้าที่เขาทิ้งแล้วจากกองขยะหรือจากป่าช้ามาทำจีวรใช้ ผ้าเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเปื้อนฝุ่นหรือสกปรก จึงเรียกว่าบังสุกุล การถวายจึงไม่ใช่พิจารณาเพียงวัตถุอันเป็นของหยาบหรือพระผู้รับถวายเท่านั้น แต่เหตุและผลคือการถวายเป็นบุญละเอียดมีผลต่อผู้วายชนม์ในสัมปรายภพโดยมีพระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญ ผ้าไตรเป็นผ้าต่ออายุศาสนา หากไม่มีผ้าไตรจีวรก็ไม่สามารถบรรพชาอุปสมบทได้ ดังนั้นอุทิศกุศลให้ผู้วายชนม์ได้เกิดมามีอายุวัฒนะ ได้พบและได้ศึกษาพุทธศาสนา มีสัมมาทิฏฐิปฏิบัติธรรมได้บรรลุธรรม ดังนั้นในงานสวดอภิธรรม สวดมาติกา และพิธีทอดผ้าไตรหน้าเมรุฌาปนกิจ จึงใช้แต่ผ้าไตรจะไม่ใช้ผ้าอย่างอื่นครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : ถ้านอกเหนือจะอุทิศให้คุณแม่ผู้วายชนม์ที่ครบ 100 วัน ผมสามารถอุทิศให้ปู่ย่าตายายด้วยได้หรือไม่ครับ แล้วจะมีผลทำให้คุณแม่ได้บุญน้อยลงหรือไม่ครับ ? ตอบ : บุญคือความสุขที่สามารถอุทิศให้ผู้ละโลกได้ บุญมีคุณสมบัติเหมือนดอกไม้หอมไม่ว่าจะดมคนเดียวหรือดมพร้อมๆกันหลายๆคน ความหอมย่อมไม่เจือจางมลายหายไปตามจำนวนคน ดังนั้นแม่จะอุทิศกุศลให้คุณแม่เพียงท่านเดียว หรือจะอุทิศให้หมู่ญาติพร้อมๆกัน คุณแม่ย่อมยังคงรับบุญไม่น้อยลงแต่ประการใดครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : ตอนพระสวดฟังไม่เข้าใจแล้วจะได้บุญตรงไหนครับ ? ตอบ : ช่วงเวลาพระสวดเป็นเวลาที่โยมควรทำภาวนาให้จิตสงบมีมรณสติเป็นที่ตั้ง หากมัวกังวลกับความหมายจิตก็อาจไม่สงบก็ได้ อีกทั้งปัจจุบันหากต้องการทราบความหมายบทสวดอภิธรรมก็สามารถค้นหาคำแปลจากกูเกิ้ลได้ไม่ยาก แต่บุญก็ไม่ได้มาจากว่าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจในบทสวด แต่มาจากการที่มีจิตมีความสงบมีกุศลเจตนาดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท อันจะเป็นเหตุแห่งการอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : เงินช่วยเหลือทำบุญที่ญาติมิตรคุณพ่อได้มอบให้ในงานศพ เสร็จพิธีงานศพแล้ว พี่น้องสามารถนำไปแบ่งกันจะได้หรือไม่คะ ? ตอบ : ต้องถามตนเองก่อนว่า หากคุณพ่อไม่เสียชีวิตแล้ว เงินทำบุญช่วยงานศพจะเกิดขึ้นหรือไม่ ย่อมไม่มีแน่นอน ดังนั้นปัจจัยทั้งหมด 100% ที่เกิดขึ้นจึงมาด้วยชีวิตของคุณพ่อ ครอบครัวสามารถนำเงินนี้ไปใช้เกี่ยวกับงานศพทั้งหมด เช่น ค่าหีบศพ ค่าเช่าศาลาวัด ภัตตาหารถวายพระ อาหารรับรองงานศพ ปัจจัยทำบุญถวายพระ ชุดผ้าไตรบังสุกุล ของถวายสังฆทาน ค่าทำรูป ค่าดอกไม้ ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ประกอบณาปนกิจ ค่าใช้จ่ายจิปาถะระหว่างงานศพ เป็นต้น
อีกทั้งหากยังมีปัจจัยที่เหลือจากค่าใช้จ่ายข้างต้นก็ควรนำไปทำบุญอุทิศกุศลให้ท่านในวาระการทำบุญ 50 วัน ทำบุญ 100 วัน ตามลำดับทั้งหมด 100% ไม่ควรถือวิสาสะนำปัจจัยที่เหลือไปใช้เป็นการส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่นไปกินไปเที่ยว ซื้อรถซื้อบ้านยกเว้นแต่ว่าคุณพ่อจะได้สั่งเสียก่อนเสียชีวิตอนุญาตให้ครอบครัวสามารถนำปัจจัยนี้ไปใช้ในกรณีอื่นๆได้ครับ แต่ท่านไม่ได้อนุญาตหรือบอกกล่าวไว้ก่อน อย่าเสี่ยงเอาเงินทำบุญไปใช้เลยนะครับ อย่าเห็นแก่เล็กแก่น้อยไม่คุ้มอย่างยิ่งกับความวิบัติครับ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร / www.เดชะบุญ.com
ถาม : กรวดน้ำอย่างไรให้ได้บุญ ถ้าไม่มีที่กรวดน้ำไปเกาะคนข้างๆได้หรือไม่คะ ? ตอบ : ความหมายโดยย่อ ยถาฯให้ผี สัพพีฯให้ตัว องค์ประกอบง่ายๆในการกรวดน้ำให้ได้บุญมี 3 ประการ 1.สงบ รักษากายวาจาจิตให้สงบสำรวม ไม่คุย ไม่เล่น ไม่เซลฟี่ ความสงบสำรวมเป็นการแสดงความเคารพเบื้องต้นในธรรม เป็นการถวายความเคารพต่อพระสงฆ์ผู้ให้พร และให้ความเคารพต่อผู้ที่ตนตั้งใจอุทิศกุศล 2.สติ นึกถึงบุญกุศลใดๆที่ได้กระทำด้วยดีแล้วแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระดิกจิตนึกถึงบุคคลที่ต้องการอุทิศกุศล รวมทั้งทุกๆสรรพชีวิตในทุกๆภพภูมิ
3.สมาธิ รวมใจเป็นหนึ่งส่งความปรารถนาดีที่เป็นกุศลประกอบด้วยธรรม จงพ้นทุกข์พ้นภัย ให้ได้มีจิตอนุโมทนารับบุญกุศล มีความสุขกายสุขใจในสัมปรายภพเทอญ ฯ ถามได้ ตอบได้ เดชะบุญยินดีมอบธรรมทานแด่ครอบครัวเพื่อช่วยผู้วายชนม์ที่ท่านเคารพรักเป็นห่วง ติดต่อสอบถามและจัดงานทำบุญ 50-100 วัน... อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร 0826516246
น.ธ.ตรี (นักธรรมตรี) แผนกธรรม(นักธรรมชั้นตรี)
ความรู้ความหมาย ข้อแนะนำทำบุญ 100 วัน คนเป็นต้องทำให้ ตนตายถึงได้บุญ การทำบุญอุทิศกุศลวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน มีผลสำคัญอย่างยิ่งต่อการไปเกิดยังภพภูมิสุคติหรือทุคติต่อผู้วายชนม์ ดังนัันเมื่อบุคคลทีรักและเคารพตายหรือวายชนม์ สิ่งสำคัญมากกว่าการจัดงานศพให้ถูกต้องตามประเพณีแล้ว คือครอบครัว สามีภรรยา ลูกหลาน จะต้องรู้จักวิธีการส่งบุญให้แก่ผู้ตาย และดำเนินการทำตามหลักคำสอนในพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้องและทันกาล บทความนี้ผู้เขียนได้ค้นคว้าและอ้างอิงจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าด้วยเรื่องชีวิตในปรโลก จากคัมภีร์อรรถกถา และจากพระผู้ทรงศีลผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม ซึ่งได้ไปรู้และเห็นการเดินทางมาเกิดและตายของสัตว์โลก บทความนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากให้ผู้อยู่สามารถทำบุญให้ผู้ตายได้รับความสุขและคลายความเศร้าหมอง อีกทั้งผู้อยู่จะสามารถดำเนินชีวิตด้วยความรู้เท่าทันและไม่ประมาท อย่าประมาทว่าเมื่อตายแล้วครอบครัวต้องทำบุญให้เสมอไป หากกาลเวลาล่วงเลยแล้วเขาลืมเราล่ะ หรืออย่าได้รู้คิดผิดๆว่าเกิดหนเดียวตายหนเดียวตายแล้วสูญโดยที่ขาดการศึกษาเรื่องจริงหลังชีวิต
การเดินทางของชีวิตหลังความตายเป็นสากล เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเป็นสากลโลกในวัฏสงสาร ความตายเป็นเพียงจุดสิ้นสุดของชีวิตในภพภูมิหนึ่งๆ เพื่อการเดินทางต่อไปยังสุคติภูมิหรือทุคติภูมิต่อไป ดังนั้นไม่ว่าผู้วายชนม์จะเป็นคนไทย ชนชาติใด ศาสนาใด ประเทศใด หรือเผ่าพันธุ์ใดๆ เพราะทุกสรรพชีวิตล้วนแล้วอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมเดียวกัน ตายแล้ว 7 วันแรกยังอยู่ในโลกมนุษย์ เมื่อตายแล้ว กายละเอียด(วิญญาณ) จะผละออกจากกายหยาบที่แตกดับ ใน 7 วันนี้กายละเอียดจะวนเวียนในโลกมนุษย์เช่นบ้าน ที่ทำงาน สถานที่คุ้นเคยและผูกพัน เพื่อพยายามสื่อสารกับครอบครัว ญาติหรือเพื่อน แต่เมื่อพูดกับใครก็ไม่มีใครรับรู้ เพราะอยู่กันต่างภพภูมิ ช่วง 7 วันนี้จึงเป็นช่วงที่รอผลของบาปหรือบุญส่งผล เป็นช่วงที่เปิดโอกาสให้กายละเอียดระลึกถึงบุญ ช่วง 7 วันแรกนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งที่ครอบครัว ญาติมิตร ต้องอุทิศกุศลให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญ เมื่อได้รับและอนุโมทนาบุญนั้นๆแล้วก็จะเกิดในสุคติตามกำลังบุญ โดยไม่ต้องไปยมโลก 7-50 วัน ช่วงรอการพิพากษาที่ยมโลก สำหรับผู้ที่ระลึกบุญไม่ได้ ไม่มีญาติมิตรอุทิศกุศลให้ เมื่อครบ 7 วันแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ยมโลก (กุมภัณฑ์) นำกายละเอียดมายังยมโลกเพื่อรอคอยการรับการพิพากษาในบุญและบาปที่กระทำในขณะมีชีวิตอยู่ วาระ 50 วันนี้ยังเป็นช่วงที่กายละเอียดสามารถรับบุญที่ส่งมาจากโลกมนุษย์ได้ 51-100 วัน ช่วงกำลังถูกพิพากษาจากพระยายมราช พระยายมราชซึ่งเป็นเทพชั้นจาตุมหาราชิกาจะซักถามความประพฤติสมัยเมื่อเป็นมนุษย์ โดยมีสุวรรณเลขาด้านขวาพระยายมราชเป็นผู้ฉายบัญชีบุญ และด้านซ้ายเป็นสุวานเลขาฉายบัญชีบาป เพื่อพิพากษาให้กายละเอียดไปเกิดในทุคติภูมิคือสัตว์นรก เปรต อสูรกาย หรือสัตว์เดรัจฉานในยมโลก อุสสทนรก มหานรก หรือสุคติภูมิคือภพภูมิมนุษย์ ขึ้นไป ตามกำลังบุญและบาปที่เคยกระทำในอดีต ในวาระ 51-100 วันนี้หากมีญาติมิตรอุทิศบุญให้กายละเอียดก็ยังสามารถรับบุญได้
เดชะบุญ ให้บริการจัดงานทำบุญอุทิศกุศลตามหลักศาสนพิธีเพื่อผู้วายชนม์ที่ท่านเคารพรัก สอบถามรับคำแนะนำการทำบุญอุทิศกุศลให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญจริงที่ อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร 089-8135885 , 082-651-6246
รีวิวจริงจากใจครอบครัวผู้วายชนม์
เดชะบุญจัดงานทำบุญ 50 - 100 วัน
ดิฉันเป็นตัวแทนครอบครัวก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเดชะบุญนำโดยอาจารย์วิสิทธิ์ มากๆค่ะ
หลังจากจัดงานทำบุญปัญญาสมวาร 50 วันของคุณแม่เรียบร้อยแล้ว
ทางครอบครัวและญาติๆ ที่ได้มาร่วมงานได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "งานจัดออกมาได้สมบูรณ์แบบมากและสวยงามมาก" ญาติทุกคนได้ลงความเห็นว่างานครบรอบ 100 วันของคุณแม่ขอเป็นอาจารย์เหมือนเดิมนะค่ะ
เป็นเพราะความรู้สึกที่ได้รับก่อนทำบุญ ขณะทำบุญ และหลังทำบุญ เต็มเปี่ยมมาก จากประสบการณ์ยังไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
หลังจากได้ไลน์ติดต่อกับอาจารย์ครั้งแรกอาจารย์ก็ได้โทรมาพูดคุยและให้ความรู้เบื้องต้นและวิธีทำบุญอย่างไรให้ได้บุญซึ้งความรู้นั้นดิฉันและครอบครัวไม่เคยรู้มาก่อนมีแต่ทำตามๆ กันมาซึ่งก็ทำผิดบ้างถูกบ้าง
ก่อนวันงานทางอาจารย์ได้เข้ามาพบดิฉันและครอบครัวเพื่อทบทวนอีกครั้งว่าได้เตรียมกาย วาจา และใจไว้เพื่อพร้อมที่จะมีงานบุญ
ทางครอบครัวเป็นกังวลกันมากเรื่องสถานที่ว่าจะจัดได้อย่างไรบ้านพื้นที่จำกัดขนาดนี้ แต่ทางอาจารย์ก็ทำให้คลายกังวลไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจทุกอย่างลงตัวได้อย่างดีเยี่ยมทุกอย่างทำด้วยความประณีตใส่ใจในทุกรายละเอียด(เหมือนอาจารย์เสกได้ดั่งใจ)
สิ่งที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยประสบพบเจอ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะจ๊ะ การจากไปของคุณแม่จะต้องไม่สูญเปล่า ทุกอย่างไม่มีคำว่าบังเอิญในวัฎสงสาร(อาจารย์สอนย้ำจนจำได้ดีค่ะ)
พิธีปัญญาสมวาร 50 วันได้จบลง แต่ทางครอบครัวดิฉันได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในสิ่งที่ดีๆ และปฏิบัติอย่างถูกต้องโดยได้ความรู้จากอาจารย์ทั้งสอง ได้รู้จักคำว่า "บุญต้นทุน" ที่ดิฉันและครอบครัวจะต้องเริ่มสะสมตอนยังมีชีวิตอยู่ อย่าคอยแต่ให้คนข้างหลังมาทำบุญให้ ซึ่งเรียกว่า "บุญสมทบ" อนาคตข้างหน้าเราอาจจะเป็นผู้ที่ถูกลืมก็ได้
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่านและทีมงานที่ทำด้วยใจล้วนๆ ดุจเครือญาติเดียวกันเป็นกันเองมากค่ะ และขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับอาจารย์ทั้งสองท่านพร้อมทั้งทีมงานที่น่ารักค่ะ
ครอบครัวกิจแก้วมรกต
พระราม2/69 สะแกงาม กรุงเทพฯ
แพคเกจพิธีจัดงานทำบุญอุทิศกุศล
ปัญญาสมวาร50วัน / ศตมวาร100วัน
(ประกอบด้วย 3 ศาสนพิธีหลักในการอุทิศกุศล)
*เดชะบุญยินดีมอบธรรมทานด้วยความเคารพในธรรมก่อนการประกอบศาสนพิธี
*เดชะบุญให้ความเคารพต่อผู้ต้องการประกอบศาสนพิธีทุกท่านด้วยความเสมอภาค
*เดชะบุญปฏิเสธการจัดงานทำบุญที่มีการเลี้ยงสุราและอบายมุขทุกประเภท
*เดชะบุญประกอบศาสนพิธีตามลำดับสิทธิการจองล่วงหน้า
*เดชะบุญเชื่อใจให้เกียรติทุกท่าน สามารถจองวันโดยไม่ต้องโอนชำระมัดจำล่วงหน้า
*ชำระมัดจำ 5,000 บาทเพื่อยืนยันการนิมนต์พระหลังจากได้พบเดชะบุญแล้วเท่านั้น
*ติดต่อเดชะบุญ สอบถามรายละเอียดโทร 0898135885 หรือ Line หมายเลขโทร 0826516246
1. พิธีสวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยามอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) เดชะบุญจัดบรรยายธรรมคุณค่าการทำบุญสามวาระแก่เจ้าภาพเพื่อสัมมาทิฏฐิก่อนการทำบุญ
2.) แนะนำการจัดสถานที่ประกอบพิธีฯอย่างถูกต้องตามหลักพุทธศาสนพิธี
3.) ติดต่อนิมนต์คณะพระภิกษุสงฆ์ ประกอบพิธีสวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยาม
4.) จัดพาหนะรับส่งพระจากวัดในเขตจัดงานมายังสถานทีจัดงานทำบุญ
5.) จัดชุดโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระพุทธ และเสนาสนะต้อนรับคณะพระภิกษุสงฆ์
6.) จัดดอกบัวสดถวายพระพุทธ และพวงมาลัยถวายคณะพระภิกษุสงฆ์
7.) จัดอุปกรณ์เครื่องใช้สงฆ์ประกอบศาสนพิธีครบถ้วนด้วยความสะอาดประณีตงดงาม
8.) จัดชุดเครื่องขยายเสียงและลำโพงแบบพกพาใช้ในการประกอบศาสนพิธี
9.) จัดศาสนพิธีกรผู้ชำนาญการดำเนินศาสนพิธีในทุกขั้นตอนตลอดการประกอบพิธี
10.) จัดชุดกี๋มุกพร้อมภาชนะเบญจรงค์ถวายน้ำชาร้อนและน้ำดื่มถวายคณะพระภิกษุสงฆ์
2. พิธีถวายมตกภัตเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้วอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) จัดโต๊ะไลน์บุฟเฟต์พร้อมถาดร้อนอุ่นอาหารคาวหวานพร้อมภาชนะ
2.) จัดภัตตาหารคาวหวานถวายพระพุทธ 1 ชุด
3.) จัดภัตตาหารคาวหวานถวายคณะสงฆ์
4.) จัดอาหารหวานคาวสักการะเจ้าที่ 1 ชุด
5.) จัดอาหารหวานคาวแก่ผู้วายชนม์ 1 ชุด
6.) จัดบทคำกล่าวถวายข้าวพระพุทธและมตกภัตตาหารแก่ครอบครัวผู้วายขนม์
3. พิธีทอดผ้าบังสุกุลและถวายสังฆทานอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) จัดชุดผ้าไตรเต็มดำเนินศาสนพิธีทอดผ้าบังสุกุลน้อมอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์ถวายต่อคณะพระภิกษุสงฆ์
2.) จัดชุดไทยธรรมอันประณีตมีประโยชน์ถวายเป็นสังฆทานแด่คณะพระภิกษุสงฆ์
3.) จัดโต๊ะตั้งภาพผู้วายชนม์พร้อมดอกไม้สักการะแก่ผู้วายชนม์
4.) จัดผ้าภูษาโยงและชุดกรวดน้ำอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์
5.) จัดเตรียมสถานที่ล่วงหน้า 1 วันและทบทวนความรู้การประกอบศาสนพิธีแก่ครอบครัวผู้วายชนม์ก่อนการประกอบพิธี
สอบถามเพิ่มเติมที่Line
เดชะบุญเป็นกัลยาณมิตรประกอบศาสนพิธีต่อผู้วายชนม์ดุจญาติมิตร
เดชะบุญเป็นหนึ่งประกอบศาสนพิธีด้วยหลักธรรมเปี่ยมบุญประณีตปลาบปลื้ม
ข้อควรปฏิบัติก่อนการทำบุญ 7-50-100 วัน ให้ผู้ตายจิตไม่เศร้าหมอง
เมื่อร่างกายแตกดับ(ตาย) กายละเอียดจะหลุดออกจากกายหยาบ ช่วง 7 วันแรกจะเดินทางวนเวียนสู่สถานที่คุ้นเคยเช่น บ้าน ที่ทำงาน เพื่อไปพบและพยายามสื่อสารกับผู้ที่ผูกพัน แต่ด้วยภพภูมิที่แตกต่างกันจึงไม่สามารถสื่อสารด้วยกันได้เหมือนเดิม สิ่งที่ญาติพี่น้องและครอบครัวต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อผู้วายชนม์ในช่วงเวลา 100 วัน มีดังนี้
1. ช่วยกระตุ้นทบทวนความทรงจำในบุญกุศลแก่ผู้วายชนม์ โดยการนำภาพที่ผู้วายชนม์เคยทำบุญต่างๆในอดีต หรือสื่อต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับบุญที่เคยกระทำ นำไปตั้งวางในบ้านที่ผู้วายชนม์คุ้นเคย เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องพระ ห้องครัว ห้องทำงาน เป็นต้น ภาพหรือสื่อต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับบุญที่เคยทำมาก่อนนี้ เมื่อกายละเอียดเห็นแล้วจะทำให้สามารถระลึกนึกถึงบุญในอดีตที่เคยกระทำ ซึ่งจะทำให้กายละเอียดเกิดความสุขสว่าง คลายความเศร้าหมองได้
ตัวอย่างการติดภาพการประกอบบุญกุศลในขณะมีชีวิตเพื่อให้กายละเอียด (วิญญาณ) ผู้วายชนม์ได้ระลึกความดีที่เคยทำ อันจะนำมาซึ่งบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณให้ใสสว่างคลายความเศร้าหมอง 2. สร้างบรรยากาศในบ้านด้วยความรักและสามัคคี เรื่องที่ผู้วายชนม์มักเป็นห่วงคือ ครอบครัว สามีหรือภรรยา พ่อแม่ ลูกหลาน ธุรกิจการงาน หากทุกคนในบ้านเติมกำลังใจซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำให้ผู้วายชนม์ไม่ต้องห่วงกังวลใจในความเป็นอยู่ของผู้อยู่เบื้องหลัง นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้ท่านสงบ ความโศกเศร้าเสียใจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องรีบกลับมาตั้งสติโดยเร็ว การโศกเศร้าร้องไห้ที่เกินควรไม่เป็นคุณต่อผู้วายชนม์ เพราะยิ่งทำให้ต่างสลดหดหู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดวงจิตของกายละเอียดเศร้าหมองทุคติเป็นที่ไป ดังพุทธพจน์ “ จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป ”
3. หมั่นทำบุญด้วยการ ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา บุญที่ครอบครัวได้ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาทุกๆวัน เป็นบุญที่สามารถอุทิศกุศลและแผ่เมตตาไปยังผู้วายชนม์ให้มีความสุขได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นขอให้มีความสม่ำเสมอในการทำบุญให้ผู้วายชนม์อย่างต่อเนื่อง
4. ทำบุญบังสุกุลอุทิศกุศลในวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน การทำบุญใหญ่ในทั้งสามวาระนี้เพื่อเป็นการเติมกำลังบุญให้ผู้วายชนม์มีเสบียงบุญในการเดินทางสู่สุขคติภูมิ ด้วยการอาราธนาคณะสงฆ์สวดอภิธรรม 7 วัน ต่อเนื่องที่วัด การสวดอภิธรรมก็เพื่อความมุ่งหมายให้ผู้วายชนม์มีโอกาสระลึกถึงบุญกุศลในขณะมีชีวิตอยู่ และในวาระ 50 วัน และ 100 วัน ควรนิมนต์พระเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเพลและทอดผ้าบังสุกุลต่อเนื่องที่บ้าน เนื่องด้วยบ้านคือสถานที่ๆผู้วายชนม์ยังคงวนเวียนอยู่ ดังนั้นการทำบุญที่บ้านจึงเป็นวิธีการที่ท่านสามารถมารับบุญได้โดยตรง อย่างไรก็ตามการทำบุญต่อเนื่องให้ผู้วายชนม์แม้หลัง 100 วัน แล้วก็ยังคงมีประโยชน์ต่อผู้วายชนม์ ครอบครัวและลูกหลานจึงไม่ควรละเลยให้ท่านรอคอยบุญด้วยความน้อยใจและเสียใจที่ถูกลืมเลือน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพุทธวจนเรื่องการเกิดดับว่า “จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา” เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป “จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา” เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป ดังนั้นการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ด้วยความเข้าใจการเกิดแก่เจ็บตาย รู้เหตุและผลของกฎแห่งกรรม มีสติในการดำเนินชีวิต คือพื้นฐานป้องกันภัยให้พ้นทุกข์ และยังเป็นเส้นทางนำสู่ความสุขตั้งแต่ในขณะดำรงชีวิต แม้ล่วงลับแล้วผลบุญกุศลก็ยังคงติดตามเหมือนเงาตามตน
เดชะบุญ ผู้ชำนาญการจัดงานทำบุญอุทิศกุศล 7 วัน 50 วัน 100 วัน ครบวาระปี แก่ผู้วายชนม์ ด้วยความรู้ทางธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสอนชีวิตในวัฏสงสาร การจัดงานทำบุญโดยเดชะบุญจึงจัดเพื่อให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญจริง มิใช่เพียงทำตามประเพณีโดยขาดหลักวิธีการให้ผู้วายชนม์ได้รับบุญ ติดต่อสอบถามการทำบุญ 7-50-100 วัน เพื่อผู้วายชนม์ได้รับบุญกุศลสู่สุคติภูมิ ได้ที่ "เดชะบุญ" คุณวิสิทธิ์ 0898135885, 0826516246 หรือ Scan QR Code ติดต่อทางไลน์ ศึกษาปฏิบัติและบันทึกโดย : อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญ "เดชะบุญ" สอบถามโทร 0898135885, 0826516246
ข้อควรพึงปฏิบัติด้วยปัญญาเมื่อไปงานศพ งานทำบุญ7วัน 50วัน 100วัน ปัจจุบันเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่งว่าผู้คนในสังคมขาดความรู้และความประพฤติที่เหมาะสมเมื่อต้องไปงานสวดอภิธรรมที่วัด หรืองานทำบุญ 7 วัน 50 วัน 100 วันก็ตาม พฤติกรรมของผู้ไปงานศพส่วนใหญ่กลายเป็นว่า ไปเพราะเกรงใจ ไปเพราะเป็นงานสังคมที่เลี่ยงไม่ได้ ไปเพื่อพบปะเพื่อนร่วมรุ่น ดังนั้นเมื่อพระสวดอภิธรรมก็คุยกันเสียงดังกลบเสียงพระสวด เมื่อพระหยุดสวดก็แจกอาหารขนมของว่างกินไปคุยไปอีก จนเสร็จพิธีก็ต่างแยกย้ายกลับบ้านด้วยความว่างเปล่า พฤติกรรมข้างต้นเป็นการไปงานศพที่สูญเปล่าไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย แล้วพฤติกรรมเช่นไรจึงจะได้ชื่อว่าไปงานศพด้วยปัญญา 1.ไปงานศพต้องไปขออโหสิกรรมซึ่งกันและกันกับผู้วายชนม์ 2.ไปงานศพต้องไปทำบุญอุทิศกุศลผลบุญให้กับผู้วายชนม์
3.ไปงานศพต้องไปเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้วายชนม์
4.ที่สำคัญที่สุด ไปงานศพต้องไปพิจารณามรณะสติ ว่าในไม่ช้าเราก็ต้องอยู่เบื้องหน้า เราได้ทำหน้าที่ในขณะมีชีวิตดีแล้วหรือยัง ได้ดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่าดีหรือยัง เป็นผู้ที่ประมาทชอบผลัดวันประกันพรุ่งหรือไม่ ฯลฯ ดังนั้นหากเราท่านทั้งหลายได้พิจารณาข้อควรปฏิบัติข้างต้นดีแล้ว การไปงานศพ งานบำเพ็ญบุญสวดอภิธรรม งานทำบุญ7วัน 50วัน หรือ 100วัน จะเป็นงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพิจารณาดำรงชีวิตของตนได้อย่างดียิ่ง ได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรทั้งยามเป็นและยามจาก เป็นผู้มีน้ำใจต่อครอบครัวผู้ตาย และได้ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญาไม่ประมาทต่อความตาย สามารถทำความดีได้ทุกๆวัน ไม่เป็นคนที่ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง
ศึกษาปฏิบัติและบันทึกโดย : อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร
ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญ "เดชะบุญ" สอบถามโทร 0898135885, 0826516246
แพคเกจพิธีจัดงานทำบุญอุทิศกุศล
ปัญญาสมวาร50วัน / ศตมวาร100วัน
(ประกอบด้วย 3 ศาสนพิธีหลักในการอุทิศกุศล)
*เดชะบุญยินดีมอบธรรมทานด้วยความเคารพในธรรมก่อนการประกอบศาสนพิธี
*เดชะบุญให้ความเคารพต่อผู้ต้องการประกอบศาสนพิธีทุกท่านด้วยความเสมอภาค
*เดชะบุญปฏิเสธการจัดงานทำบุญที่มีการเลี้ยงสุราและอบายมุขทุกประเภท
*เดชะบุญประกอบศาสนพิธีตามลำดับสิทธิการจองล่วงหน้า
*เดชะบุญเชื่อใจให้เกียรติทุกท่าน สามารถจองวันโดยไม่ต้องโอนชำระมัดจำล่วงหน้า
*ชำระมัดจำ 5,000 บาทเพื่อยืนยันการนิมนต์พระหลังจากได้พบเดชะบุญแล้วเท่านั้น
*ติดต่อเดชะบุญ สอบถามรายละเอียดโทร 0898135885 หรือ Line หมายเลขโทร 0826516246
1. พิธีสวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยามอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) เดชะบุญจัดบรรยายธรรมคุณค่าการทำบุญสามวาระแก่เจ้าภาพเพื่อสัมมาทิฏฐิก่อนการทำบุญ
2.) แนะนำการจัดสถานที่ประกอบพิธีฯอย่างถูกต้องตามหลักพุทธศาสนพิธี
3.) ติดต่อนิมนต์คณะพระภิกษุสงฆ์ ประกอบพิธีสวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยาม
4.) จัดพาหนะรับส่งพระจากวัดในเขตจัดงานมายังสถานทีจัดงานทำบุญ
5.) จัดชุดโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระพุทธ และเสนาสนะต้อนรับคณะพระภิกษุสงฆ์
6.) จัดดอกบัวสดถวายพระพุทธ และพวงมาลัยถวายคณะพระภิกษุสงฆ์
7.) จัดอุปกรณ์เครื่องใช้สงฆ์ประกอบศาสนพิธีครบถ้วนด้วยความสะอาดประณีตงดงาม
8.) จัดชุดเครื่องขยายเสียงและลำโพงแบบพกพาใช้ในการประกอบศาสนพิธี
9.) จัดศาสนพิธีกรผู้ชำนาญการดำเนินศาสนพิธีในทุกขั้นตอนตลอดการประกอบพิธี
10.) จัดชุดกี๋มุกพร้อมภาชนะเบญจรงค์ถวายน้ำชาร้อนและน้ำดื่มถวายคณะพระภิกษุสงฆ์
2. พิธีถวายมตกภัตเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้วอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) จัดโต๊ะไลน์บุฟเฟต์พร้อมถาดร้อนอุ่นอาหารคาวหวานพร้อมภาชนะ
2.) จัดภัตตาหารคาวหวานถวายพระพุทธ 1 ชุด
3.) จัดภัตตาหารคาวหวานถวายคณะสงฆ์
4.) จัดอาหารหวานคาวสักการะเจ้าที่ 1 ชุด
5.) จัดอาหารหวานคาวแก่ผู้วายชนม์ 1 ชุด
6.) จัดบทคำกล่าวถวายข้าวพระพุทธและมตกภัตตาหารแก่ครอบครัวผู้วายขนม์
3. พิธีทอดผ้าบังสุกุลและถวายสังฆทานอุทิศกุศลแด่ผู้วายชนม์ (เพล)
1.) จัดชุดผ้าไตรเต็มดำเนินศาสนพิธีทอดผ้าบังสุกุลน้อมอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์ถวายต่อคณะพระภิกษุสงฆ์
2.) จัดชุดไทยธรรมอันประณีตมีประโยชน์ถวายเป็นสังฆทานแด่คณะพระภิกษุสงฆ์
3.) จัดโต๊ะตั้งภาพผู้วายชนม์พร้อมดอกไม้สักการะแก่ผู้วายชนม์
4.) จัดผ้าภูษาโยงและชุดกรวดน้ำอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์
5.) จัดเตรียมสถานที่ล่วงหน้า 1 วันและทบทวนความรู้การประกอบศาสนพิธีแก่ครอบครัวผู้วายชนม์ก่อนการประกอบพิธี
สอบถามเพิ่มเติมที่Line
เดชะบุญเป็นกัลยาณมิตรประกอบศาสนพิธีต่อผู้วายชนม์ดุจญาติมิตรที่เคารพรัก
เดชะบุญเป็นหนึ่งประกอบศาสนพิธีด้วยหลักธรรมเปี่ยมบุญประณีตปลาบปลื้ม.
ข้อแนะนำในการทำบุญ 100 วัน เดชะบุญขอสรุปปกิณกะธรรมและปกิณกะพิธี คือ หลักธรรมเป็นมรณานุสติ พิธีกรรมหรือสิ่งที่ควรปฏิบัติ เกี่ยวกับการประกอบพิธีทำบุญอุทิศกุศลแก่ผู้วายชนม์ในวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน เพื่อเป็นข้อคิดเตือนสติเพิ่มเติมดังนี้ :- 1. การนับวัน ให้นับวันที่วายชนม์เป็นวันที่หนึ่งโดยไม่ต้องไปบวกลบวันใดๆทั้งสิ้น เช่นเสียชีวิต วันที่ 1 มิถุนายน เวลา 7.00 น. ก็ให้นับวันที่ 1 มิถุนายน นี้เป็นวันที่หนึ่ง และวันที่ 7 มิถุนายน คือครบ 7 วัน นับต่อเนื่องวันที่ 20 กรกฎาคม คือครบ 50 วัน และวันที่ 8 กันยายน คือครบ 100 วัน
2. ความหมายและความจำเป็นการทำบุญ 100 วัน การทำบุญทั้งสามวาระ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน มีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้วายชนม์ เป็นการอุทิศบุญให้ผู้วายชนม์ได้อนุโมทนา หากผู้วายชนม์ในขณะมีชีวิตได้ประกอบบุญกุศลเป็นประจำเมื่อผนวกกับบุญที่อุทิศ เมื่อได้อนุโมทนาแล้วย่อมเป็นการเพิ่มพูนบุญสู่สุคติ ในทางกลับกัน หากขณะมีชีวิตประกอบแต่อกุศล และมีมิจฉาทิฐิ อีกทั้งครอบครัวก็เพิกเฉยกับการอุทิศกุศล เช่นนี้แล้ว ผู้วายชนม์นั้นๆย่อมสู่ทุคติไร้กังขา
3. สถานที่ในการทำบุญ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน โดยทั่วไปการทำบุญ 7 วัน สามารถกระทำที่วัดได้เลย เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการสวดอภิธรรม 7 วัน โดยการถวายภัตตาหารเพลและทอดผ้าบังสุกุลแก่คณะสงฆ์ที่วัดนั้นๆ ส่วนการทำบุญวาระ 50 วัน และ 100 วัน ควรนิมนต์คณะสงฆ์มาทำการสวดฯที่บ้านที่ผู้วายชนม์เคยอาศัยอยู่ ด้วยการถวายภัตตาหารเพลและทอดผ้าบังสุกุลแก่คณะสงฆ์ เช่นเดียวกับในวาระครบ 7 วัน
4. การจัดงานทำบุญอุทิศกุศลในวาระครบ 50 วัน 100 วัน ที่บ้าน นำภาพหรืออัฐิผู้วายชนม์มาจัดวางข้างโต๊ะหมู่บูชาพระ ก่อนคณะสงฆ์จะเจริญพระพุทธมนต์ให้นำอาหารมาตั้งหน้ารูปพร้อมจุดธูปบอกกล่าวให้มารับอาหารและฟังการเจริญพระพุทธมนต์ เมื่อคณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว เจ้าภาพกล่าวคำถวายมตกภัตตาหารเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้ว หลังคณะสงฆ์ฉันภัตตาหารแล้ว ให้นำผ้าภูษาโยงจากภาพผู้วายชนม์ไปยังด้านหน้าคณะสงฆ์ทั้ง 9 รูป เพื่อทอดผ้าบังสุกุลอุทิศให้ผู้วายชนม์ คณะสงฆ์พิจารณาผ้าและสวดอุทิศกุศล จากนั้นถวายไทยธรรมเป็นสังฆทาน และกรวดน้ำอุทิศบุญให้ผู้วายชนม์
5. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส “ติโรกุฑฑสูตร” ว่าด้วยการให้ส่วนบุญแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วแก่พระเจ้าพิมพิสารว่า “อทาสิ เม อกาสิ เม ญาติ มิตฺตา สขา จ เม เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ” “กุลบุตรเมื่อหวนระลึกถึงอุปการคุณที่ท่านทำแล้วในกาลก่อนว่า คนโน้นได้ให้สิ่งของแก่เราแล้ว คนโน้นได้ทำอุปการคุณแก่เราแล้ว ญาติมิตร และสหายได้ให้สิ่งของแก่เรา และได้ช่วยทำกิจของเรา ดังนี้ พึงให้ทักษิณาทานแก่เปรตทั้งหลาย” ดังนั้น เมื่อเราหวนระลึกถึงอุปการคุณของผู้มีพระคุณ หรือบรรพบุรุษบุพการีของเราที่เคยทำความดีกับเรา ก็ควรทำทักษิณาทาน คือการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านเหล่านั้น เพราะบุญเท่านั้นเป็นสิ่งที่หมู่ญาติผู้ล่วงลับต้องการมากที่สุด และเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ส่วนการร้องไห้ เศร้าโศก พิไรรำพัน อาลัยอาวรณ์ ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดแก่ผู้ล่วงลับหนำซ้ำกลับยิ่งเพิ่มความเศร้าหมองแก่ผู้วายชนม์ กายละเอียดจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อ เราได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่านั้น ด้วยการทำทานก็ดี รักษาศีลหรือเจริญภาวนาก็ดี แล้วแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ จึงจะเป็นเสบียงสำคัญในการเดินทางในวัฏสงสารได้
6. องค์ประกอบ 3 ประการในการอุทิศบุญถึงแก่ผู้ตาย (ขุ.ขุ.อ. ติโรกุฑฑสูตร 39/291) 1.) ด้วยการถึงพร้อมแห่งทักขิไณยบุคคล เช่น พระภิกษุ สามเณรผู้มีศีลบริสุทธิ์ 2.) ด้วยการอุทิศของทายก(ผู้ให้, ผู้ถวาย)ทั้งหลาย 3.) ด้วยการอนุโมทนาด้วยตนเองของผู้วายชนม์
7. การทำบุญด้วยตนเองก่อนสิ้นลม ในกรณีผู้ป่วยที่แพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายได้แล้ว การทำบุญด้วยตัวเองในขณะที่ยังมีสติอยู่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ความปลาบปลื้มในทาน ศีล ภาวนา ที่ตนเองได้กระทำเองจะเป็นภาพความทรงจำคือคตินิมิตที่เป็นกุศลช่วยบรรเทาทุกขเวทนาในวาระสุดท้ายได้ ดังนั้นครอบครัวผู้ดูแลต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ท่านได้ทำเองตั้งแต่ยังมีสติ “ธรรมโอสถ” คือยาดีที่ต้องบำบัดควบคู่การรักษาทางการแพทย์ด้วย
8. นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ, กตญฺญูกตเวทิตา,ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี ความปรารถนาสามประการของพ่อแม่ทุกคน ที่ลูกๆพึงรู้และปฏิบัติดูแลต่อท่าน ยามแก่เฒ่า หวังเจ้า เฝ้ารับใช้ หมั่นดูแลปรนนิบัติไม่ทอดทิ้ง ไม่เพิกเฉยให้ท่านน้อยใจเสียใจ
9. ความเสมอต้นเสมอปลายแห่งความกตัญญูกตเวที มีผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความผูกพันอาลัยอาวรณ์ร้องห่มร้องไห้ต่อการตายของพ่อแม่หรือสามีภรรยาดุจจะตายตามกัน และผู้คนเหล่านี้อีกจำนวนมาก เมื่อครั้นกาลเวลาผ่านไป กลับกลืนกินความรักความทรงจำที่เคยมีกันมา สุดท้ายในเวลาอันสั้นก็เพิกเฉยต่อการทำบุญอุทิศกุศลแก่ผู้ตาย บ้างก็คิดเข้าข้างตนเองว่า คงไปเกิดใหม่แล้วบ้าง ตายแล้วสูญบ้าง ทำบุญไปก็คงไม่ได้บ้าง นี้ล้วนแล้วไม่เป็นกุศลต่อผู้คิดและผู้วายชนม์เลย ชีวิตในวัฏสงสารยาวนานนัก ตราบใดยังไม่บรรลุมรรคผลย่อมเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น คนเป็นต้องทำให้คนตายถึงได้รับ การทำบุญอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจึงเป็นกุศลกรรมต่อผู้กระทำและยังประโยชน์แก่ผู้วายชนม์แน่นอน
10. ทำบุญต้องปลอดสุราและอบายมุข กุศลเจตนาอันบริสุทธิ์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประกอบพิธีทำบุญทุกๆประเภท การจัดงานทำบุญสวดอภิธรรม 7 วัน การทำบุญอุทิศกุศลบังสุกุล 50 วัน 100 วัน ต้องปลอดสุรา งดการเลี้ยงเหล้าเบียร์ของมึนเมา และการพนันทุกประเภท เพื่อให้การทำบุญอุทิศกุศลนั้นๆเป็นบุญอันบริสุทธิ์ที่ถึงผู้วายชนม์บรรพบุรุษและบุพการี
11. มารยาทและข้อพึงปฏิบัติเมื่อไปงานสวดอภิธรรม (งานศพ) การไปงานศพไม่ใช่ไปเพียงเพื่อนั่งคุยในคณะพระสวดหรือรับประทานอาหารในงานเท่านั้น แต่ประโยชน์ที่พึงจะได้จากการไปงานศพคือได้มีมรณานุสติเตือนตนว่าเรามีความตายเป็นธรรมดาไม่สามารถล่วงพ้นความตายได้ เมื่อมีชีวิตอยู่พึงทำความดีสร้างบุญกุศลให้เกิดแก่ตน การไปงานศพจึงไปเพื่อเป็นกำลังใจแก่ครอบครัวผู้วายชนม์ ไปขออโหสิกรรมและอุทิศบุญให้ผู้วายขนม์ด้วยจิตที่ปรารถนาดี
12. ปัจจัยอันได้รับจากการทำบุญ ในการประกอบพิธีทำบุญสวดอภิธรรมก็ตาม หรือการจัดงานทำบุญ 50 วัน 100 วัน หากมีผู้ร่วบุญนำปัจจัยมาร่วม ควรรับปัจจัยเหล่านั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายในการทำบุญ แม้ว่าครอบครัวจะมีฐานะก็ตามก็ไม่ควรปัดหรือปิดโอกาสให้ญาติมิตรได้ร่วมบุญ เพราะการร่วมปัตติทานมัยของญาติมิตรเป็นกุศลที่สามารถนำไปประกอบการทำบุญอุทิศกับผู้วายชนม์ได้ดียิ่ง อย่างไรก็ตามไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะนำปัจจัยอันได้จากการทำบุญนี้ไปใช้จ่ายกินเที่ยวหาความเพลิดเพลินสนุกสนาน เพราะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้ทำบุญที่ต้องการอุทิศกุศลให้ผู้วายชนม์
13. ทำบุญกุศลด้วยความไม่ประมาท ความตายไม่มีนิมิตหมาย ทุกสรรพชีวิตล้วนต้องตาย จงอย่าประมาทในวัย ในฐานะ ในอาชีพ ในสังขาร ในภัยต่างๆ และจงอย่าประมาทในการสร้างบุญกุศล และจงอย่าประมาทว่าหากตัวเราไม่อยู่แล้วครอบครัวลูกหลานต้องทำบุญให้เราแน่นอน เพราะหากหวังแต่คนอื่นย่อมผิดหวังและเสียใจ ดังนั้นจึงควรหมั่นสั่งสมด้วยตัวของเราเองตั้งแต่วันที่ยังแข็งแรงมีชีวิตอยู่
เขียนและเรียบเรียงโดย อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร สอบถามรับคำปรึกษาได้ที่ 0898135885, 0826516246 www.ทำบุญบ้านบริษัท.com ศึกษาปฏิบัติและบันทึกโดย : อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร
ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญ "เดชะบุญ" สอบถามโทร 0898135885, 0826516246
เรื่องเล่าชาตินี้...ชาติหน้า
........มีตั๊กแตนตัวหนึ่งเล่นกับแมงเม่า เพลิดเพลินสนุกจนถึงเย็น พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ตั๊กแตนก็บอกแมงเม่าว่า เดี๋ยวเราไปพักกันก่อนมันจะมืดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่ แมงเม่าก็งงว่าพรุ่งนี้คืออะไร เพราะปกติแมงเม่าจะมีอายุอยู่แค่วันเดียว มันไม่รู้จักพรุ่งนี้ ตั๊กแตนก็พยายามอธิบายว่า พรุ่งนี้ก็คือพระอาทิตย์ตกดินแล้ว มันมืด พรุ่งนี้ก็ขึ้นใหม่ไง แมงเม่าก็เกาหัวไม่รู้เรื่อง เสร็จแล้วพอรุ่งเช้า พระอาทิตย์ขึ้น ตั๊กแตนพยายามหาแมงเม่าก็หาไม่เจอเลย เพราะว่ามันหมดอายุขัยของมันแล้ว ตั๊กแตนก็เลยไปเล่นกับกบแทน เล่นกันสนุกเลยจากฤดูร้อนจนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วง อากาศก็เริ่มหนาว พอทนไม่ไหวกบก็เลยบอกตั๊กแตนว่าอากาศหนาวแล้ว ปีนี้ไม่ไหวแล้วนะ ไว้ปีหน้าเข้าฤดูใบไม้ผลิ อากาศอุ่นขึ้นก่อน แล้วเราค่อยมาเล่นกันใหม่เถอะ ตั๊กแตนก็งง ถามกบว่า ปีหน้าคืออะไรเหรอ เพราะตั๊กแตนวงจรอายุแค่ปีเดียว กบก็อธิบาย ก็พอเดี๋ยวเข้าหน้าหนาวหิมะตกมันขาวไปหมดเลย เราก็ต้องไปจำศีลไง อยู่ในรู พออากาศอุ่นเราก็ค่อยออกมามันก็จะอุ่นขึ้นหิมะก็จะละลาย ตั๊กแตนฟังเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ แล้วกบเองก็ต้องไปจำศีลล่ะ พอถึงปีหน้าก็หาตั๊กแตนไม่เจอเหมือนกัน..... เราเคยนึกไหมว่าไปคุยกับคนบางคนที่เขาไม่เข้าใจเรื่องชาติหน้า นึกว่ามีแค่นี้ พูดเท่าไหร่ก็คงจะเกาหัวเหมือนกัน เพราะเขาบอกว่าไม่มี แค่ชาตินี้แหละ แล้วก็ใช้ทุกอย่างอย่างถล่มทลาย เหมือนแมงเม่ามันคิดว่ามีแค่วันนี้ พอเจอแสงไฟเท่านั้นเองมันบินเข้าใส่กองไฟเลย ถ้าเป็นกองไฟที่ลุกอยู่ก็บินเข้าแล้วตายเลยนะ ที่เขาเรียกว่าแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ปัจจุบันเป็นไฟฟ้าเป็นหลอด เราเคยเห็นไหม แมงเม่ามันบินชนหลอดไฟ ชนแล้วชนเล่า เหมือนเราเอาหัวชนกำแพง เจ็บน่าดู แต่มันก็ยังชนอย่างนั้น จนกระทั่งกองตายเกลื่อนที่ใต้โคมไฟ แม้แต่ตัวของเจ้าตั๊กแตนเอง มันเสร็จแค่ปีเดียว มันก็ใช้ร่างกายถล่มทลาย คนที่คิดว่ามีแค่ชาตินี้ชาติเดียว ก็เลยใช้สังขารอย่างถล่มทลาย สร้างวิบากกรมอย่างถล่มทลาย กิน ดื่ม เที่ยว ทำบาป ทำกรรม ผิดศีลผิดธรรมสารพัดอย่าง เพราะคิดว่ามีอยู่แค่ชาตินี้ ซึ่งน่าเสียดายจริงๆ ถ้าเห็นภาพกว้างออกไปว่า ชีวิตเราไม่ได้สิ้นสุดที่ความตาย ยังมีชาติหน้าอีก ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีก จนกว่าจะหมดกิเลสแล้วเข้านิพพานเมื่อไหร่ถึงจะจบ เข้าใจอย่างนี้แล้วล่ะก็ เราจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เห็นร่างกายเห็นจิตใจเราเองเป็นสิ่งที่มีค่า ต้องทะนุถนอมแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างเต็มที่ ด้วยการสร้างบุญสร้างกุศลทำความดี เจริญพร
เดชะบุญขอกราบอนุโมทนาด้วยความเคารพ
ต่อพระอาจารย์นิรนามผู้เขียนบทความธรรมะนี้
อุปมาอบรมสั่งสอนผู้คนให้เห็นชีวิตในวัฏสงสาร
ความรู้เรื่องชีวิตหลังชีวิต ที่ต้องรู้ก่อนตาย
ความเชื่อ แตกต่างกับ ความจริงอย่างไร ? ความเชื่อ เป็นส่วนเฉพาะบุคคล หรือกลุ่มบุคคลจำนวนมาก อาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ความจริง เป็นสิ่งที่แม้ไม่เชื่อก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆได้ เป็นความจริงเช่นนั้นเสมอ เดชะบุญ ขอนำความเชื่อที่ได้ประสบพบเห็นและได้ยินเกี่ยวกับ “ความตาย” ได้เปรียบกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในพระธรรมคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้สั่งสมบำเพ็ญเพียร 4 อสงไขยกับหนึ่งแสนมหากัปตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อให้ผู้อ่านได้พิจารณาด้วยสติปัญญาประดับเป็นความรู้และกระทำได้อย่างถูกต้องทั้งต่อตนในวันที่ยังมีลมหายใจ และต่อบุคคลผู้เป็นที่รักที่ละโลกแล้ว
ความเชื่อ เกิดหนเดียวตายหนเดียว ชาติที่แล้วไม่มี ชาติหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ ความจริง ทุกสรรพชีวิตในวัฏสงสารล้วนต่างต้องเวียนว่ายตายเกิด ตายแล้วไม่สูญ มีภพภูมิรองรับกรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเรื่องสัมมาทิฏฐิ 10 ประการ ดังนี้ 1. ทานที่ให้แล้วมีผลจริง 2. ยัญที่ทำแล้วมีผลจริง (การสงเคราะห์กันมีผล) 3. การยกย่องบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผลจริง
4. วิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วมีผลจริง 5. โลกนี้มีจริง 6. โลกหน้ามีจริง
7. มารดามีคุณจริง 8. บิดามีคุณจริง 9. สัตว์ที่เกิดแบบโอปปาติกะมีจริง
10. พระอรหันต์ผู้ สามารถรู้แจ้งโลกนี้โลกหน้ามีอยู่จริง
ความเชื่อ ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ บุญบาปไม่มีจริง ไม่มีผลต่อชีวิต ความจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสฐานสูตร "....สรรพชีวิตมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น โดยที่แท้ สัตว์ทั้งปวงบรรดา ที่มีการมา การไป การจุติ การอุบัติ ล้วนมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่ง กรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เมื่ออริยสาวกนั้นพิจารณาฐานะ นั้นอยู่เนืองๆ มรรคย่อมเกิดขึ้น อริยสาวกนั้นย่อมเสพ อบรม ทำให้มากซึ่ง มรรคนั้น เมื่อเสพ อบรม ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่ ย่อมละสังโยชน์ได้ อนุสัยย่อมสิ้นไป ฯ" ตอนมีชีวิตต้องรู้ ดีกว่า ไปลุ้นตอนตายแล้ว
ความตายเป็นสิ่งเที่ยงแท้ที่สุด จะรวยหรือจน ทุกเพศทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกการศึกษา ทุกชาติตระกูล ทุกตำแหน่งหน้าที่การงาน จึงควรเป็นผู้ไม่ประมาทหาความรู้ตอนมีชีวิตอยู่ ว่าจะใช้ชีวิตในโลกนี้และโลกหน้าได้อย่างมีคุณค่าอย่างไร ไม่มีบังเอิญเกิดเป็นพระราชา เศรษฐี ชาติตระกูลสูง ปัญญาดี มีอายุยืนยาว ไม่ใช่โชคร้ายเกิดเป็นยาจก ชาติตระกูลต่ำ โรคภัยเบียดเบียน ด้อยปัญญา หรืออายุขัยสั้น ทุกอย่างล้วนเกิดจากกรรมดีและชั่ว สัตว์โลกมีกรรมเป็นเครื่องกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ดีหรือชั่วก็ตาม จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอริยเจ้าทั้งหลายก็หนีไม่พ้นกรรม เราท่านทั้งหลายจึงควรสั่งสมบุญสร้างบารมี ทำความดีทั้งปวงในวันที่มีชีวิต อย่าประมาทในวัย ฐานะ การศึกษา ชาติตระกูล เพราะเมื่อตายจากย่อมไม่สามารถนำทรัพย์สินยศถาบรรดาศักดิ์ไปได้ สิ่งเดียวที่จะติดตัวได้คือบุญและบาปที่ได้กระทำไว้เท่านั้น จงอย่าได้ไปฝากความหวังให้คนเบื้องหลังทำบุญอุทิศบุญ 7 วัน 50 วัน 100 วัน หรือครบรอบปีให้เลย จงทำความดีทำบุญกุศลด้วยตนเองตั้งแต่วันนี้ วันหน้าจะได้ไม่ต้องน้อยใจ เสียใจ ผิดหวัง ว่าทำไมคนที่เคยบอกว่ารักไม่ทำบุญให้ตน
แม้ผู้คนที่มีฐานะต่างกัน อาจมีจำนวนนาฬิกาได้ไม่เท่ากัน แต่ทุกคนทุกชนชั้น ล้วนมีจำนวนเวลาที่จะทำดีหรือชั่วเท่ากัน
“เดชะบุญ” บริการจัดงานทำบุญ
ทำบุญ 50 วัน (ปัญญาสมวาร 50 วัน)
ทำบุญ 100 วัน (ศตมวาร 100 วัน)
ด้วยปัญญาและสัมมาทิฏฐิถูกต้องตามหลักธรรม
ติดต่ออาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร
นักธรรมตรี ธรรมศึกษาชั้นตรี-โท-เอก
วิทยากรบรรยายธรรม และ ผู้อำนวยการจัดงานทำบุญ
089-813-5885, 082-651-6246
โทรปรึกษาเพื่อรับความรู้ช่วยผู้วายชนม์
ยินดีให้คำแนะนำและสนทนาธรรมความรู้การทำบุญ ปรึกษาขอบริการจัดงานทำบุญ โปรดจองวันจัดงานล่วงหน้า*
โทรติดต่อได้ทุกวัน 07.00 - 23.00 น. ไม่มีวันหยุด
"อาจารย์วิสิทธิ์ คุณนิรันดร" วิทยากรบรรยายธรรม และ ผู้อำนวยการจัดงานบุญ
มือถือ: 089-813-5885, 082-651-6246*
line : 0826516246 หรือ 0898135885 Email: dechaboon4u@gmail.com *ขออภัย หากโทรมาแล้วอยู่ขณะดำเนินพิธีหรือบรรยายธรรมไม่ได้รับสาย จะรีบติดต่อกลับหลังพิธี/บรรยายครับ
|